สืบอุดมสุขรวบตีนแมวย่องลักทรัพย์ตามหอพัก

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ​เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 มกราคม พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รอง ผบก.น.4 รรท.ผกก.สน.อุดมสุข พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.ท.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผกก.สส.สน.อุดมสุข พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม สว.สส.สน.อุดมสุข และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.อุดมสุข ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัว​นายสมมารถ หรือหนู ทองนวล อายุ 40 ปี ที่อยู่ 199 หมู่ 3 ตำบลบางโปรง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ สีขาว-น้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 3กธ-6367 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน หมวกกันน็อค แบบเต็มใบ สีเทา จำนวน 1 ใบ กระเป๋าสะพาย สีน้ำเงิน จำนวน 1 ใบ แว่นตา จำนวน 2 อัน เสื้อโปโล สีดำ ยี่ห้อ Pierre Cardin จำนวน 1 ตัว เสื้อคลุมแขนยาว สีน้ำตาลอ่อน จำนวน 1 ตัว เสื้อคลุมแขนยาว สีดำ ระบุด้านหลัง เอส ที เอส มอเตอร์ สาขาหนามแดง จำนวน 1 ตัว เสื้อกีฬา คอกลม ลายฟ้าขาว ด้านหน้าระบุอักษร ARGENTINAจำนวน 1 ตัว เสื้อโปโล สีขาว จำนวน 1 ตัว โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ I Q Z สีขาว จำนวน 1 เครื่องโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Lenovo สีดำ จำนวน 1 เครื่อง โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณด้านหน้าบริษัทขายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ย่านช้างสามเศียร ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

พล.ต.ต.นันทชาติ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องในห้วงระยะเวลาตั้งแต่ ปี 2558 ถึง ต้นปี 2559 มีเหตุลักทรัพย์ในหอพักและอพาร์ทเม้นท์ เกิดขึ้นบ่อยครั้งในเขตรับผิดชอบของ สน.อุดมสุข และพื้นที่ข้างเคียง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนต่อเนื่องกัน โดยมีคนร้ายจะเลือกก่อเหตุในช่วงรุ่งสางช่วงเวลาประมาณ 05.00-07.00 น. กระทั่งเมื่อวันที่19 ธันวาคม เวลาประมาณ 06.00 น.มีคนร้ายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ สีขาว น้ำเงิน มาจอดบริเวณใกล้เคียงหอพักนริตา อพาร์ทเม้นท์ แยกสวนมหาดไทย แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. จากนั้นได้เข้าไปในอาคาร ทำทีเป็นผู้พักอาศัยภายในอาคารดังกล่าวแล้วได้เดินเปิดประตูลูกปิดทุกห้อง เมื่อเห็นว่าห้องไหนไม่ได้ล็อคประตูไว้ จะเข้าไปลักทรัพย์สินภายในห้อง ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวผู้เสียหายห้องพักเลขที่111 ได้นอนหลับอยู่ จึงเข้าไปลักโทรศัพท์มือถือ, กระเป๋าสตางค์ ก่อนจะขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ภายหลังจากเกิดเหตุตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุสามารถจับภาพพฤติกรรมคนร้ายเอาไว้ได้ รวมทั้งเส้นทางการหลบหนี

พล.ต.ต.นันทชาติ กล่าวต่อว่า จากนั้นตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.อุดมสุข ได้หาข้อมูลเพื่อติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าว และตรวจสอบแผนประทุษกรรมย้อนหลัง จึงทราบว่ามีเหตุลักษณะดังกล่าวเมื่อปี 2555 ขึ้น 4 ครั้ง ดังนี้ โดยครั้งแรก เหตุเกิดที่ อาคารนัมเบอร์วันอาคาร 2 ถนนรามคำแหง 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. เมื่อ 27 ตุลาคม 2555 ครั้งที่ 2 เหตุเกิดที่ อาคารเอเชียแมนชั่น ห้องเลขที่ 520,415 และ 427 ถนนรามคำแหง 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. เมื่อ 28 ตุลาคม 2555 ครั้งที่ 3 เหตุเกิดที่ อาคารนัมเบอร์วันอาคาร 2 ถนนรามคำแหง 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. เมื่อ 8 พฤศจิกายน 2555 ครั้งที่ 4 เหตุเกิดที่ ร้านอินเตอร์เนตเป๋าตุง อาคารนัมเบอร์วันอาคาร 5 ถนนรามคำแหง 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. เมื่อ 8 พฤศจิกายน 2555 ซึ่งตามแผนประทุษกรรมย้อนหลังผู้ต้องหาทั้ง 4 คดีนี้ คือนายสมมารถ หรือหนู ทองนวล ทางตำรวจจึงได้เช็คประวัติและทะเบียนรถจักรยานยนต์ พบว่ามีลักษณะตรงตามกล้องวงจรปิด อีกทั้งรถจักรยานยนต์คันที่ใช่ก่อเหตุ ที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุ เป็นชื่อของผู้ต้องหาเอง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติต่อศาลจังหวัดพระโขนง ออกหมายจับ ที่ 32/2559 ลงวันที่ 23 มกราคม 2559

ต่อมาเมื่อวันที่ 23 มกราคม เวลาประมาณ 08.00 น. ตำรวจชุดจับกุมได้รับมีเบาะแสว่าคนร้ายรายนี้มาทำงานอยู่บริษัทขายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ย่านช้างสามเศียร ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบ และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางบางส่วนได้ จากนั้นได้ทำการขยายผลตรวจยึดของกลางได้ ก่อนควบคุมตัวสอบสวนที่ สน.อุดมสุข

ด้านพ.ต.ท.สุพจน์ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุลักทรัพย์จริง ปัจจุบันมีอาชีพเป็นพนักงานขับรถส่งของให้บริษัทขายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ย่านปากน้ำ จ.สมุทรปราการ รายได้ 8,000 บาทต่อเดือน แต่เนื่องด้วยมีหนี้สินจากการติดการพนันไพ่เก้าเก เป็นจำนวน 30,000 บาท ทำให้ตัดสินใจขับขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนก่อเหตุตามหอพักอพาร์ตเม้น ที่มีราคาถูก และไม่มีการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาเพียงพอ ทุกครั้งจะเลือกเวลาก่อเหตุในช่วงเช้ามืด ที่เหยื่อกำลังนอนหลับพักผ่อน หรือไม่อยู่ห้องแล้วไม่ได้ล็อกประตูไว้ จากนั้นจะเข้าไปภายในหอพักหรืออพาร์ทเม้น แล้วเดินเปิดประตูทีละห้อง หากห้องใดไม่ได้ล็อกไว้ก็จะเข้าไปลักทรัพย์สินที่หยิบง่าย อาทิ โทรศัพท์มือถือที่ชาร์จไว้ตามหัวเตียง และกระเป๋าสตางค์ที่วางไว้ ใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีเท่านั้น แต่ถ้ามีเหยื่อรายใดตื่นขึ้นมาพบจะทำทีว่าเปิดเข้าห้องผิด หลังจากนั้นจะรีบหลบหนี แล้วไปทำงานที่บริษัทใช้ชีวิตตามปกติ ส่วนโทรศัพท์มือถือที่ขโมยมาจะนำไปขายเป็นอะไหร่ที่ร้านรับซื้อที่ตลาดนัดสวนรถไฟศรีนครินทร์ ในราคาไม่สูงนัก ก่อนนำเงินที่ได้ไปใช้หนี้สิน

พ.ต.ท.สุพจน์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ผู้ต้องหายังยอมรับอีกว่าเคยต้องโทษคดีลักษณะดังกล่าว แล้วเพิ่งพ้นโทษมาเมื่อปี 2555 ซึ่งเจ้าตัวก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้วเกือบ 20 ครั้ง ที่สามารถจดจำได้เพียง 7 ครั้ง ครั้งแรกประมาณเดือน ธันวาคม 2557 เหตุเกิดที่ อาคารบี ชั้น 4 มายโฮม แมนชั่น ได้ลักทรัพย์สินคือโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน 4 จำนวน 1 เครื่อง และ โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน 5 จำนวน 2 เครื่อง ครั้งที่ 2 ประมาณเดือน มีนาคม 2558 เหตุเกิดที่ หอพักศิริพงษ์ แมนชั่น แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม.ได้ทรัพย์สินคือ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง ครั้งที่3 ประมาณเดือน ตุลาคม 2558 เหตุเกิดที่ รามคำแหงแมนชั่น ถ.รามคำแหง แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. ได้ทรัพย์สินคือโทรศัพท์มือถือ ไอโฟน4 จำนวน 1 เครื่อง และกระเป๋าสตางค์ จำนวน 1 ใบ ครั้งที่ 4 ประมาณเดือน พฤศจิกายน 2558 เหตุเกิดที่ นัมเบอรวัน อพาร์เม้นส อาคาร 7 ถ.รามคำแหง แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. ได้ทรัพย์สินคือโทรศัพท์มือถือ ไอโฟน 5 จำนวน 1 เครื่อง ครั้งที่ 5 วันที่ 15 ธ.ค.2558 เหตุเกิดที่ หอพักศิริพงษ์แมนชั่น แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. ได้ทรัพย์สินคือ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง ครั้งที่ 6 วันที่ 10 ม.ค.2559 เหตุเกิดที่ หอพักทิพย์วรรณเขตพื้นที่ สน.ลาดกระบัง ได้ทรัพย์สินคือ โทรศัพท์มือถือ ไอโฟน 6 จำนวน 1 เครื่อง และครั้งล่าสุด วันที่ 22 ม.ค.2559 เหตุเกิดที่ หอพักนิรันดร เรสซิเด๊นซ์โครงการ 5 หรือยงเจริญ เขตพื้นที่ สน.พระโขนง ทรัพย์ที่ได้ คือ โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ I Q Z สีขาว จำนวน 1 เครื่อง และโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Lenovo สีดำ จำนวน1 เครื่อง ก่อนมาถูกจับกุมดังกล่าว

อย่างไรก็ตามตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต่อคำให้การต้องทำการสอบสวนขยายผลอีกครั้ง เนื่องจากทางตำรวจเชื่อว่าคนร้ายได้มีการก่อเหตุมามากกว่านี้ หากมีผู้เสียหายถูกคนร้ายก่อเหตุลักษณะนี้สามารถมาชี้ตัวเพื่ออายัดคดี เบื้องต้นแจ้งข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป