เลือก30เสียงใหม่ยังวุ่น ส.บอลไม่เชิญทีมดิวิชั่น2

สมาคมฟุตบอลฯ ฝืนคำสั่งคณะกรรมการกลางจัดการเลือกตั้ง
ไม่ยอมส่งหนังสือเชิญทีมดิวิชั่น 2 เข้ากรุงเทพในวันที่ 7 ม.ค. เพื่อเลือก 30 เสียงใหม่ ยืนกราน 30 เสียงเดิมมาอย่างถูกต้องแล้ว จึงหวั่นผิดข้อบังคับ พร้อมยืนยันฟ้องศาลกีฬาโลกแน่ หากคณะกรรมการกลางยังจัดการเลือก 30 เสียง
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่โรงแรมโกลเดน ทิวลิปซอฟเฟอรีน นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ประธานฝ่ายกฎหมายสมาคมฟุตบอลฯ เปิดแถลงข่าวตอบโต้คณะกรรมการกลาง ที่มี “เสธ.โต” พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมย์ เป็นประธานฯ ซึ่งแต่งตั้งโดย สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า กรณีที่จะจัดการเลือก 30 เสียงจากดิวิชั่น 2 ใหม่ ในวันที่ 7 มกราคมนี้ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ต่อไป
นรินท์พงศ์ กล่าวว่าคณะกรรมการกลาง กำลังปฏิบัติหน้าที่เกินอำนาจที่ได้รับจาก ฟีฟ่า เพราะ ฟีฟ่า กำหนดให้จัดการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ เพียงอย่างเดียว แต่ ณ วันนี้พยายามแก้ไข 30 เสียงของดิวิชั่น 2 ที่ถือว่าทำมาอย่างถูกต้องแล้ว นอกจากนั้นต้นเดือน มกราคม ฟีฟ่า จะเดินทางมาประเทศไทยเพราะเห็นความไม่ชอบมาพากลของคณะกรรมการกลาง
“การเลือกที่มาของ 30 เสียงจากดิวิชั่น 2 ตามข้อบังคับของลีกภูมิภาคกำหนดไว้ 4 ข้อสำคัญๆ คือ 1.สมาชิกมีสิทธิได้รับคัดเลือกเข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญ และวิสามัญของสมาคมฯ โดยมาจากการเลือกกันเอง 2.ในการประชุมจะต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่ง 3.ต้องมีการแจ้งล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 15 วัน และ 4. การจัดการคัดเลือกเป็นอำนาจของคณะกรรมการลีกภูมิภาคเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสมาคมฟุตบอลฯ หรือคณะกรรมการกลาง ก็ไม่มีสิทธิ์แทรกแซง ด้วยเหตุนี้ทำให้สมาคมฟุตบอลฯ ที่มีหน้าที่ปกป้องสิทธิ์ของสโมสรสมาชิก จึงได้ทำหนังสือแจ้งกลับไปที่คณะกรรมการกลางว่าไม่สามารถส่งหนังสือเชิญ 83 สโมสรในดิวิชั่น 2 มาเลือก 30 เสียงที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย ในวันที่ 7 มกราคมนี้ได้ เพราะจะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับ และหากวันที่ 7 มกราคม ยังมีการจัดการเลือก 30 เสียงใหม่ ก็จะเป็นการทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน และสมาคมฟุตบอลฯ คงต้องมีการฟ้องศาลอนุญาโตตุลาการกีฬาโลกอย่างแน่นอนซึ่งเป็นช่องที่ ฟีฟ่า เปิดโอกาสเอาไว้โดยไม่มีสิทธิ์ลงโทษแบนประเทศไทย นอกจากนี้สโมสรต่างๆ ที่ได้สิทธิมาก่อนหน้านี้ ก็เตรียมที่จะฟ้องร้องศาลในประเทศเพื่อที่เรียกร้องสิทธิที่ถูกรอดรอนไปด้วย”
นรินท์พงศ์ กล่าวต่อว่าตามบทสัมภาษณ์ของ “เสธ.โต” ที่อ้างว่าหากวันที่ 7 มกราคม สโมสรใดมีตัวแทนมามากกว่า 1 คน จะใช้เวลาเพียง 15 นาทีให้การตัดสิน หากเกินกว่านี้จะตัดสิทธิ์ทันที ซึ่งถือว่าใช้เหตุผลส่วนตัวในการตัดสิน ไม่ผ่านการวินิจฉัยจากคณะกรรมการลีกภูมิภาค
“ที่ผ่านมาผมพยายามที่จะเข้าไปพูดคุยกับคณะกรรมการกลางหลายครั้งเพื่ออธิบายและทำความเข้าใจแต่ก็ถูกปฏิเสธมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าหากไม่สามารถเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ได้ทันกำหนดภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ฟีฟ่า ก็จะไม่ลงโทษแบนสมาคมฯ และทีมชาติไทย แน่นอน ซึ่งเข้าใจว่า ฟีฟ่า คงจะตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาแทน”
ด้าน “เสี่ยหม่อง” ณัฐภณ ปัญญาคณานุกูล ประธานสโมสรพัทยา ในฐานะสมาชิกสมาคมฟุตบอลฯ ได้ออกมาตอบโต้ว่าบุคคลที่ออกมาแถลงข่าว ไม่ใช่สมาชิกสมาคมฟุตบอลฯ เป็นแค่ลูกจ้างสมาคมฟุตบอลฯ จึงไม่มีสิทธิ์แถลงในนามสมาคมฟุตบอลฯ อีกทั้งยังเป็นการแอบอ้าง ทำให้สมาคมฟุตบอลเสื่อมเสีย และยังทำให้สมาชิกเกิดความสับสน