น้องเผย'เสี่ยอู๊ด'แซทไลน์พี่คนโต ก่อนฟุบดับคาเตียง

น้องเผย'เสี่ยอู๊ด'แซทไลน์พี่คนโต ก่อนฟุบดับคาเตียง

พี่น้อง "เสี่ยอู๊ด" โต้ข่าวเป็นมะเร็ง ไม่ติดใจการตาย เผยผู้ตายแซทไลน์คุยพี่ชาย ก่อนยาออกฤทธิ์ฟุบดับคาเตียงนอน

ที่อาคารเก็บศพโรงพยาบาลพุทธชินราช อ.เมืองพิษณุโลก พี่ชายคนโตของเสี่ยอู๊ด หรือนายสิทธิกร บุญฉิม นักสร้างพระชื่อดัง ที่เสียชีวิตในโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองพิษณุโลก โดยพบศพเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2558 พี่ชายคนโตของเสี่ยอู๊ด ไม่ขอออกนาม ได้เดินทางมาพร้อมน้องชายของเสี่ยอู๊ด มาติดต่อเพื่อขอรับศพเสี่ยอู๊ดไปที่บ้านเกิดที่จังหวัดระยอง โดยช่วงเช้าน้องชายของเสี่ยอู๊ดได้ดำเนินเรื่องเอกสารที่ สภ.เมืองพิษณุโลก และเทศบาลนครพิษณุโลก เพื่อทำเรื่องนำหลักฐานนำร่างออกจากโรงพยาบาลพุทธชินราช

พี่ชายคนโตของเสี่ยอู๊ด ซึ่งอยู่ในการอาการเศร้าโศกเสียใจอย่างมาก หลังจากทราบข่าวน้อยชายเสียชีวิตที่พิษณุโลกช่วงบ่ายวานนี้ ก็เดินทางมาที่พิษณุโลกทันที และให้ข้อมูลผู้สื่อข่าวว่า เสี่ยอู๊ดเป็นน้องชายคนที่สามจากพี่น้องทั้งหมด 5 คน ทราบข่าวน้องเสียชีวิตก็เดินทางจากระยองมาพิษณุโลกทันทีตั้งแต่เมื่อวานนี้ พร้อมน้องชายอีกคน เสียใจมาก ได้เห็นสภาพน้องแล้วรับไม่ได้ ที่ผ่านมาเสี่ยอู๊ดห่างกับพี่น้องไปนาน แต่ในฐานะพี่ชายคนโตก็จะนำร่างน้องกลับไปที่บ้านเกิด ส่วนจะดำเนินการพิธีศพอย่างไรก็จะปรึกษาญาติก่อน แต่ก็บำเพ็ญกุศลตามประเพณี กระทั่งเดินเรื่องเอกสารเสร็จ จึงนำร่างเสี่ยอู๊ดใส่โลง ทางกู้ภัยข่าวภาพพิษณุโลกอาสานำรถขนร่างเสี่ยอู๊ดไปส่งที่ระยอง

โดยออกจากโรงพยาบาลพุทธชินราชในเวลา 12.00 น. ไปวัดสุวรรณรังสรรค์ หรือวัดยายร้า วัดบ้านเกิด ที่เสี่ยอู๊ดทำบุญวัดนี้ไว้มาก เป็นที่เก็บอัฐิของพ่อแม่เสี่ยอู๊ด ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง

นอกจากพี่ชายคนโตที่เดินทางมารับศพเสี่ยอู๊ดแล้ว ยังมีอาจารย์ดารุณ คงทรัตน์ หรือ อาจารย์ตุ๊กแก หัวหน้างานแนะแนวโรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวิทยาและลูกชายของอาจารย์ดารุณ คือ นายเปียโน. คงทรัตน์ ได้เดินทางมารับศพที่พิษณุโลกด้วย

นางดารุณ คงทรัตน์ เปิดเผยว่า ตนเป็นคนที่รู้จักมักคุ้นกับเสี่ยอู๊ดเป็นอย่างดี เคยทำงานร่วมกันตั้งแต่ปี 2546 หลังจากพบเจอกันในงานทอดกฐินที่วัดยายร้า อ.บ้างฉาง จากนั้นเสี่ยอู๊ดก็ได้จัดงานเยาวชนสร้างสรรค์ต้านยาเสพติด จัดกิจกรรมวอร์คแรลลี่ และมอบทุนการศึกษาให้นักเรียน รร.บ้านฉาง ที่มอบทุนทั้งระดับมัธยมต้นจนถึงมหาวิทยาลัยไปแล้ว 57 ทุน และทำมาอย่างต่อเนื่อง มอบทุนให้นักเรียนเรียนดี ประพฤติดีระดับ ม.ต้นทุนละ 18,000 บาทต่อปี และระดับมหาวิทยาลัยทุนละ 48,000 บาทต่อปี มีนักเรียนที่บ้านฉางจบการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้วหลายราย จนเด็ก ๆ นักเรียนที่นี่จะเรียกนายสิทธิกรว่า คุณครูไม้บรรทัด พี่ชายที่แสนดี ผู้ใหญ่ใจดี เทวดาของน้อง ๆ เพราะเมื่อนายสิทธิกรมาร่วมมอบทุนให้ จะมอบไม้บรรทัดให้เด็ก จะเขียนแง่คิดติดลงบนไม้บรรทัดด้วย นอกเหนือจากการบริจาคเงินสร้างศาสนสถาน ที่วัดยายร้า ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ที่นายสิทธิกรทำอย่างสม่ำเสมอ

“อยากให้สังคมมองด้านความดีของคุณสิทธิกร บ้าง บริจาคเงินเพื่อการกุศลจำนวนมาก เมื่อครั้งต้องโทษก็มีสะดุดการมอบทุนไปบ้าง เมื่อทราบข่าวคุณสิทธิกร เสียชีวิต ดิฉันและลูกชายจึงได้เดินทางมาที่พิษณุโลกทันที เพื่อร่วมรับศพกลับบ้านเกิดที่ จ.ระยอง” นางดารุณ กล่าว

ด้านนายเปียโน คงทรัตน์ อายุ 24 ปี ชาว จ.ระยอง ที่สนิทกับเสี่ยอู๊ด และเดินทางมารับศพด้วย กล่าวว่า ตนจะคุยโทรศัพท์และคุยไลน์กับเสี่ยอู๊ดเป็นประจำ ครั้งสุดท้ายคุยไลน์กันเมื่อ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนยืนยันว่า เสี่ยอู๊ดไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็ง ที่พบถุงยาเป็นถุงยาศูนย์มะเร็งรพ.ลพบุรี ที่เสี่ยอู๊ดบริจาคเงินให้ จริง ๆแล้วป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ โรคความดัน น้ำตาลในเลือดสูง และเบาหวาน ช่วงแรกตนจะขายประกันชีวิตให้ แต่พอรู้ข้อมูลแล้วทำประกันไม่ได้ เมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ได้หยุดกินยาที่รักษาโรคประจำตัวจนถึงกลับเข้านอนรักษาตัวในโรงพยาบาลมาแล้ว และยังบอกกับตนว่าหยุดกินยา แต่ตอนนี้ตนไม่เชื่อว่าเสี่ยอู๊ดจะกินยาตาย น่าจะเลือกที่หยุดกินยาโรคประจำตัวมากกว่า

ร.ต.ท.อำนาจ อ่อนปาน พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เปิดเผยว่า นายธวัชชัย บุญฉิม อายุ 41 ปี น้องชายของเสี่ยอู๊ด ได้นำเอกสารหลักฐานการสั่งเสียของเสี่ยอู๊ดมาแสดงต่อพนักงานสอบสวน โดยก่อนก่อนเหตุเสี่ยอู๊ดได้กลับภูมิลำเนามาหานายธวัชชัย เมื่อต้นเมื่อต้นเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา และได้สั่งเสียให้น้องชายทำตามเดิม ก็คิดว่าเป็นการพูดเล่นๆ เรื่องเตรียมตัวตาย โดยสั่งห้ามนำศพกลับ เมื่อนำคำสั่งเสียมาเทียบกับเอกสารที่เขียนในห้องพักในโรงแรมเป็นรายมือเดียวกัน และน้องชายยืนยันเป็นรายมือของพี่ชายตนเอง ส่วนเรื่องการเสียชีวิตน้องชายไม่ได้ติดใจ เพราะไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย 

"ส่วนแนวทางการสอบสวนของตำรวจนั้น จะต้องรอรายงานผลการชันสูตรจากแพทย์ เพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง ส่วนเรื่องอาการป่วยของเสี่ยอู๊ดนั้น ไม่ได้เป็นโรคมะเร็ง แต่ป่วยเป็นโรคเลือดเลี้ยงสมองไม่พอ โรคความดัน และโรคเบาหวาน ซึ่ง่ที่ไปรักษาตัวที่ศูนย์รักษาโรคมะเร็งลพบุรี อีกทั้งเสี่ยอู๊ดอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง นับตั้งแต่ออกจากเรือนจำก็เดินทางไปหลายแห่ง แต่ตลอดเวลาก็มีการคุยกับน้องชายคนนี้ตลอด และก่อนเสียชีวิตยังเล่นไลน์กับน้องชาย จนยาออกฤทธิ์จึงก็ฟุบไป โดยที่น้องชายก็ไม่ทราบว่าเสียชีวิต