'เสี่ยอู๊ด'กินยานอนหลับ10แผงเสียชีวิต พบจดหมายลาตาย

'เสี่ยอู๊ด'กินยานอนหลับ10แผงเสียชีวิต พบจดหมายลาตาย

'เสี่ยอู๊ด' สิทธิกร บุญฉิม นักสร้างพระเครื่องชื่อดัง กินยานอนหลับ10แผงเสียชีวิตแล้ว ทิ้งจดหมายลาตายเอาไว้

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 ตุลาคม 2558 ร.ต.ท.อำนาจ อ่อนปาน ร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งเหตุมีชายนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตภายในห้องพักเลขที่ 209 ชั้นสอง ของโรงแรมแห่งหนึ่ง ถ.พระลือ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 6 นำโดยพ.ต.ท.หญิง สุนันทา สมอุโมงค์ นักวิทยาศาสตร์กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 ภ.จว.พิษณุโลก นพ.ณัฐสิทธิ์ เจริญสันติ แพทย์เวรนิติเวช รพ.พุทธชินราช และจนท.กู้ภัยสมาคมกู้ภัยข่าวภาพพิษณุโลก ที่เกิดเหตุเป็นห้องพักชั้น 2 พบผู้เสียชีวิตเป็นชายสภาพนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง ลักษณะสภาพศพเริ่มขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็น ทราบชื่อผู้เสียชีวิตเป็นเซียนพระชื่อดัง เสี่ยอู๊ดเหนือหัว หรือ นายสิทธิกร บุญฉิม อายุ 44 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 3322/137 ถ.พหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

เจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานอย่างละเอียด โดยภายในห้องพบขวดน้ำดื่มโออิชิจำนวน 3 ขวด กระเป๋าเสื้อผ้าของผู้เสียชีวิต และจดหมายสั่งลา วางไว้บนโต๊ะแต่งหน้า นอกจากนี้ ยังพบยา ซึ่งในกลุ่มที่ออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง ใช้สำหรับรักษาอาการวิตกกังวล และช่วยให้นอนหลับ จำนวนมากในถุงพลาสติกจำนวน 20 แผง และพบร่องรอยการแกะทานไปแล้วจำนวน 10 แผง แผงละ 10 เม็ด และยาส่วนตัวของผู้เสียชีวิตเป็นยารักษาโรคมะเร็ง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี ไม่พบร่องรอบการทำร้ายร่างกาย จากการชันสูตรพบว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว แพทย์เวร ได้ให้จนท.กู้ภัยข่าวภาพนำร่างนายสิทธิกร ไปชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง ที่นิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราช

จากการสอบถามเจ้าของโรงแรมดังกล่าว ได้ความว่า ผู้เสียชีวิตเพิ่งมาพัก โดยมีผู้ชายพามาเปิดห้องพัก ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2558 จากนั้น ได้ออกมาจากห้องพักและกินข้าวทุกวัน และจ่ายเงินห้องพักวันต่อวัน กระทั่งสามวันก่อน ได้บอกแม่บ้านว่า ไม่ให้ใครรบกวน จากนั้นก็เงียบหายไป กระทั่งเมื่อคืนวันที่ 29 ตุลาคม 2558 นายสุรพันธ์ก็มาหาที่ห้องพัก ขึ้นไปเคาะห้อง แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงลงมาข้างล่างพบแม่บ้าน เพื่อโทรศัพท์ขึ้นไปที่ห้องพัก แต่ก็ไม่มีคนรับ คิดว่านอนหลับแล้ว นายสุรพันธ์จึงกลับไป กระทั่งเช้านี้เวลาประมาณ 09.00 น. นายสุรพันธ์ก็กลับมาอีกครั้ง ตนและแม่บ้านพร้อมนายสุรพันธ์ จึงนำกุญแจสำรองไปเปิดห้องพัก และพบว่า นายสิทธิกร ได้เสียชีวิตไปแล้ว

สำหรับบันทึก ของนายสิทธิกร ที่เขียนทิ้งไว้จำนวน 1 หน้ากระดาษ ระบุว่า (ภูมิใจ) จากเด็กกำพร้ายากจนมีวุฒิ ม.3 ได้หาเงินช่วยเหลือสังคม ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา ก่อเกิดสาธารณะประโยชน์เป็นวัด โรงเรียน โรงพยาบาล สถานศึกษา มหาวิทยาลัยสงฆ์ องค์กรการกุศล สงเคราะห์ผู้ยากไร้ อุปการะเยาวชนให้เล่าเรียน คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์ และเงิน รวมๆ บริจาคไปกว่า 3,000 ล้านบาท กระจายอยู่ทั่วแผ่นดินทั้งที่คนรู้และไม่รู้

 (เสียใจ) ที่หาเงินได้มากมาย แต่ไม่เคยเก็บสะสมสร้างฐานะ เพราะมัวแต่ช่วยเหลือผู้อื่นไม่เคยช่วยพี่น้อง ช่วยสาธารณะจนตัวเองเดือดร้อน ผลตอบแทนกลับมาให้เสื่อมเสียไม่มีความดีและความจริง จากผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือไปจะเป็นจริงอย่างถาวร “ดีชั่ว ถูกผิด ยึดติดใครไม่ได้”

 (คำสั่ง) หากเสียชีวิตที่พิษณุโลก ให้น้องชายขึ้นมาจัดการศพ ทำการเผาทันที ไม่ให้จัดพิธีการใดๆ ไม่ให้บำเพ็ญกุศล เพราะไม่ต้องการให้พี่น้องเดือดร้อน ไม่ต้องการให้คนอื่นเข้ามายุ่งยากที่สำคัญผมทำบุญไว้เยอะแล้วไม่มีใครจะทำบุญให้ผมได้ เท่าตัวผมทำตอนอยู่

 ท้ายสุดฝากบอกบุญ เชิญคนไทยไปบริจาคทรัพย์รับพระกริ่ง ซึ่งผมบริจาคไว้ 75 ล้านบาท ช่วยสร้างอาคารศูนย์ดูแลผู้สูงอายุระยะยาวของคณะแพทย์ศาสตร์ มช.นะครับ

ฝากคำคมข้อคิดจากบัณฑิต ม.3

“ดีที่สุด คือหยุดอยาก..ดียาก คืออยากที่สุด”

สิทธิกร

วันออกพรรษา ปี 2558

ทางด้านนายสุรพันธุ์ โหมดไทย อายุ 23 ปี เพื่อนของเสี่ยอู๊ด ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองได้รู้จักกับผู้ตายมาตั้งแต่เมื่อปลายปี 2556 จากนั้นก็ได้ติดต่อกันเรื่อยมา จนกระทั่ง ล่าสุด ผู้ตายได้ติดต่อตนเองมาจากไลน์ส่วนตัวว่า จะมาเที่ยวที่จังหวัดพิษณุโลกวัน ที่ 21 ต.ค. และมาพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.เมืองพิษณุโลก ช่วงที่ผู้ตายมาพักอยู่นั้นตนเองก็แวะมาหาผู้ตายทุกวัน โดยมีหน้าที่มารับไปทานอาหาร รับเสื้อผ้าไปซักทุกวัน จนกระทั่งพบกับผู้ตายครั้งสุดท้าย เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 27 ต.ค. ผู้ตายได้ไลน์มาหาตนเองว่า ให้มารับไปทานข้าวตนเองได้ขับรถจักรยายนต์มาจากร้านนมที่ตนดูแลอยู่ช่วงเวลา 14.00 น. และไปทานที่ร้านอาหาร ร้านส้มตำปูเสื่อ ห่างจากที่พักประมาณ 15 กิโลเมตร ก่อนจะกลับมาส่งที่ห้องพักหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จนกระทั่งกลางดึกของเมื่อคืนที่ผ่านมาตนเองเห็นว่าผู้ตายได้เงียบหายไปจึงได้มาหาที่พักขึ้นไปเคาะประตูห้องพักแต่ไม่มีเสียงตอบรับจึงได้กลับมาติดต่อที่เคาเตอร์เพื่อให้โทรศัพท์ขึ้นไปที่ห้องพัก

"สำหรับ"เสี่ยอู๊ด" นายสิทธิกร บุญฉิม ปัจจุบัน อายุ 44 ปี เคยตกเป็นข่าวดังกับ ฟิล์ม รัฐภูมิ พระเอกที่เป็นน้องรัก เพราะเจ้าตัวพาไปเที่ยวและทำบุญต่างประเทศ รวมถึงมอบของขวัญเป็นตึกแถวและรถมินิคูเปอร์" ต่อมา เมื่อปี 2551 นายสิทธิกร ถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก ฐานฉ้อโกงประชาชน โดยให้คืนเงินกว่า 4 ล้าน ฐานใช้และเลียนแบบเครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมจำคุก 5 ปี และในวันที่ 3 มี.ค. 2556 ศาลอุทธรณ์ ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยเสี่ยอู๊ดได้ขอให้พักการลงโทษและลงโทษสถานเบา แต่ศาลเห็นว่า มีเจตนานำเครื่องหมายมหามงกุฎมาใช้ประดับหลังพระเครื่อง แม้จะตัดเครื่องหมายประกายด้านบนออกและตัดข้อความด้านล่างออก ก็ทำให้เข้าใจผิดไปได้ว่าเป็นเครื่องหมายมหามงกุฎ จึงเป็นการใช้ตราโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามฟ้อง รวมทั้งมีเจตนามุ่งจำหน่ายพระเครื่องเพื่อหลอกลวงประชาชนทั่วไป เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน คนจำนวนมากหลงเชื่อจนเกิดความเสียหาย อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ก่อนจะพ้นโทษเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2556"

 สำหรับนายสิทธิกรนั้น เคยต้องคดีศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2553 ว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 47, 48 และ 59 และ พรบ.เครื่องหมายราชการ พ.ศ.2484 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 และ 83 อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้เรียงลงกระทงลงโทษ โดยให้จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 4 ปี และปรับบริษัท จำเลยที่ 2 จำนวน 10,000 บาท ฐานฉ้อโกงประชาชนอันเป็นบทหนักสุด และให้จำคุกจำเลยที่ 1 อีกเป็นเวลา 1 ปี และปรับบริษัท จำเลยที่ 2 จำนวน 2,000 บาท ฐานใช้และเลียนแบบเครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 5 ปี และปรับบริษัท จำเลยที่ 2 รวม 12,000 บาท โดยให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินกับผู้เสียหายทั้ง 921 คนที่เช่าพระสมเด็จเหนือหัว แต่ไม่ให้เกิน 4,055,916 บาท

และ(15มี.ค.56) ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น คงให้จำเลยที่ 1 จำคุก 5 ปี  และปรับเงินจำเลยที่ 2 รวม 12,000 บาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินให้กับผู้เสียหายที่เช่าพระสมเด็จเหนือหัวทั้ง 921 คน แต่ไม่ให้เกิน 4,055,916 บาท

 "เสี่ยอู๊ด" สิทธิกร ได้ถูกจองจำในคุก พ้นโทษเมื่อ 20 มิ.ย.2556 หลังจากที่ถูกควบคุมตัวครบกำหนดโทษ 5 ปีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ขณะที่ระหว่างการปล่อยตัวยังไม่ปรากฏว่าอัยการจะยื่นฎีกาหรือไม่ ดังนั้นตามกฎหมายเมื่อยังไม่มียื่นฎีกาก็ต้องปล่อยตัวจำเลยไป ซึ่งหากภายหลังพบว่ามีการยื่นฎีกากระทั่งมีคำพิพากษาฎีกาแล้ว ศาลจึงจะออกหมายเรียกนายสิทธิกรมาฟังคำพิพากษาต่อไป แต่หากไม่มีการยื่นฎีกาคดีจะถือเป็นที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าว

หลังออกจากคุกแล้ว เสี่ยอู๊ด สิทธิกร ได้เดินสายทำบุญและเปิดใจกับสื่อ และเงียบหายนานนับปี กระทั่งพบว่าเสียชีวิตดังกล่าว