สุดสลด!พ่อขี้เมาข่มขืนลูกในไส้นาน6เดือน

สลดใจ!ตร.นครพนมคุมตัวพ่อขี้เมา ข่มขืนลูกในไส้วัย12ปีนาน6เดือน หลังย่าตาบอดทนไม่ไหวแจ้งผญบ. ด้านพี่สาวปล่อยโฮ-จนท.วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือเหยื่อ
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 58 ที่จังหวัดนครพนม พ.ต.อ.ธีร์รัฐ ทิพย์นพนนท์ ผกก.สภ.ธาตุพนม จ.นครพนม เปิดเผยว่าได้ขออนุมัติหมายศาล จ.นครพนม จับกุม นายเชิดชาย (ขอสงวนนามสกุล) วัย 40 ปี ในข้อหากระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และเด็กนั้นเป็นผู้สืบสันดานของตนหลังข่มขืนกระทำชำเรา ดญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ12ปี นักเรียนชั้น5โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งตัวเองเป็นพ่อบังเกิดเกล้าแท้ๆ
สืบเนื่องจากนางน้อย (นามสมมุติ) อายุ 70 ปี มารดาของนายเชิดชาย นำตัว ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.สุนทรนวลงามร้อยเวร สภ.ธาตุพนม ว่า ถูกนายเชิดชายที่เป็นพ่อแท้ๆ ข่มขืนกระทำเรา ด.ญ.เอ ขอให้เร่งติดตามจับกุมตัวให้ด้วย หลังรับแจ้งจึงประสานชุดสืบสวนรุดไปตรวจสอบที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่5 ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม เมื่อไปถึงพบบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านไม้เก่าชั้นเดียวติดพื้นสภาพทรุดโทรมไม่กั้นห้อง มีมุ้ง2หลัง ครอบที่นอนเก่าๆ สภาพห้องน้ำติดถนนมีรูโบ๋
นางน้อย ผู้เป็นย่าของ ด.ญ.เอ พิการตาบอดข้างซ้าย ส่วนตาข้างขวาก็พร่ามัว และหูหนวก เล่าว่า ตนอาศัยอยู่กับนายเชิดชัย บุตรชาย และ ด.ญ.เอ ที่บ้านหลังดังกล่าว ส่วนมารดาหลานคนนี้เลิกลากันนายเชิดชัย ตั้งแต่ ด.ญ.เอ อายุได้1ขวบ ก่อนที่นายเชิดชายจะไปมีครอบครัวใหม่ที่ จ.ภูเก็ต เมื่อสามีของตนเสียชีวิตบุตรชายได้กลับมาอยู่ที่บ้านและดื่มสุราเมามายทุกวัน จนกระทั่งวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ด.ญ.เอ หลานสาวทนถูกพ่อแท้ๆข่มขืนมานานกว่า6เดือนไม่ไหว จึงเล่าให้ฟังก่อนพากันไปแจ้งกับผู้ใหญ่บ้าน เพื่อเข้ามาแจ้งความที่โรงพักในเวลา20.00น. วันเดียวกันเพื่อเอาเรื่องนายเชิดชายพ่อสุดชั่วให้ถึงที่สุด
ญาติผู้ใหญ่ ด.ญ.เอ คนหนึ่งเล่าว่า ก่อนที่นางน้อย ย่า ด.ญ.เอ จะเข้าแจ้งความได้มาปรึกษาผู้ใหญ่บ้าน หมู่5 ว่า นางน้อยซึ่งตาบอดและหูหนวกจะเข้านอนก่อน ขณะที่นายเชิดชายบุตรชายจะข่มขู่มารดาเพื่อไถเงินเบี้ยยังชีพผู้พิการและคนชรา เมื่อไม่ได้ก็จะทำร้ายร่างกายก่อนนำเงินไปกินสุรา เมื่อเมาได้ที่ก็จะเข้ามุ้งมารดาก่อนเอามือหรือใช้ผ้าปิดปาก ด.ญ.เอ ไม่ให้ส่งเสียงร้องก่อนลงมือข่มขืนทุกครั้งที่เมากลับบ้าน นับครั้งไม่ถ้วน นางน้อยจึงทนไม่ไหวก่อนพา ด.ญ.เอ เข้าแจ้งความ ดังกล่าว
พ.ต.อ.เสถียรกิ่งชา พงส.ผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.ธาตุพนม กล่าวว่าหลังรับแจ้งจากนางน้อย ผู้ปกครองของเด็กจึงนำตัว ด.ญ.เอ ผู้เสียหายไปสอบปากคำต่อหน้าอัยการ นักสังคมสงเคราะห์นานกว่า 3 ชั่วโมง พร้อมนำตัว ด.ญ.เอ ไปตรวจหาร่องรอยการถูกข่มขืน พบว่าร่องรอยถูกข่มขืน สอดคล้องกับผู้เสียหายให้การ และเมื่อรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ นายเชิดชัย ไหวตัวหลบหนีในช่วงบ่ายวันที่6 ต.ค.ที่ผ่าน จึงประสานกับชุดสืบสวน ภ.จว.นครพนมกว่า 50 นายออกติดตามจับตัว นายเชิดชัย หลังชาวบ้านแจ้งว่านายเชิดชัยถอดเสื้อสวมกางเกงขาสั้น ปั่นจักรยานหลบหนีไปทางท้ายหมู่บ้านแต่ไม่พบตัวคาดว่าอาจยังหลบหนีในพื้นที่
ล่าสุดตำรวจสามารถจับ นายเชิดชาย ได้แล้ว แต่ยังคงให้การภาคเสธว่า ไม่ได้ข่มขืน ด.ญ.เอ แต่ยอมรับว่าทำอนาจาร ด.ญ.เอ จริง โดยช่วงที่เมาสุราจะมุดมุ้งเข้าไปหาเพื่อใช้มือจับแก้ม และอนาจารอวัยวะเพศ อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้แจ้งข้อหาหนัก ในข้อหากระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตนฯ ก่อนจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คุมตัวพ่อข่มขืนลูกในไส้ทำแผน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ตุลาคม 58 พ.ต.อ.ธีร์รัฐ ทิพย์นพนนท์ ผกก.สภ.ธาตุพนม พ.ต.อ.เสถียร กิ่งชา พงส.ผู้ทรงคุณวุฒิ และ ร.ต.อ.สุนทร นวลงาม ร้อยเวรเจ้าของคดี พร้อมชุดสืบสวนกว่า 20 นาย คุมตัวนายเชิดชาย (ขอสงวนนามสกุล) ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังบ้านหลังจุดเกิดเหตุ โดยมีชาวบ้านละแวกใกล้เคียงที่ทราบข่าวมามุงดูกว่า 50 คน
จุดแรกนายเอก ผู้ต้องหาชี้หน้าบ้านตนเอง จุดที่สองชี้ที่นอนของตนเอง และจุดสุดท้ายชี้บริเวณที่นอนของนางน้อย (นามสมมุติ) มารดาวัย 70 ปี ซึ่งนอนตะแคงข้างเคียงกับ ด.ญ.เอ บุตรสาว ใช้เวลาทำแผนประกอบคำรับสารภาพนาน 15 นาที จึงคุมตัวกลับโรงพัก โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด มี น.ส.บี พี่สาวของ ด.ญ.เอ ผู้เสียหาย ตามมาดูการทำแผนของบิดาตน ซึ่ง พ.ต.อ.ธีร์รัฐ พูดปลอบใจ น.ส.บี ก่อนน้ำตาจะไหลคลอเบ้าตลอดเวลา
พ.ต.อ.ธีร์รัฐ กล่าวด้วยว่า หลังจากดูสภาพบ้านเรือน ด.ญ.เอ แล้ว รู้สึกเห็นใจ เพราะบ้านไม่มั่นคง มีรอยทะลุฝาหลายแห่ง มีแสงลอดผ่านแม้ในช่วงกลางคืน จึงอยากให้ผู้มีจิตศรัทธา หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้ช่วยซ่อมแซมบ้านเรือน หรืออาจจะสร้างบ้านหลังใหม่ให้คุณยายน้อย ซึ่งพิการตาบอด โดยมีด.ญ.เอ กตัญญูคนนี้ได้เลี้ยงดูต่อไป
หลังทำแผนเสร็จได้นำตัวนายเชิดชาย มาสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนนำตัวส่งฟ้องฝากขังต่อศาลจังหวัดนครพนมเพื่อดำเนินคดีต่อไป







