'สาทร'ขึ้นแท่นถนนรถติดหนักในกทม.

กรุงเทพมหานครเปิด 7 เส้นทางถนนเมืองหลวงที่รถติดหนักในปีนี้ "ถนนสาทร" มาวิน 1 ชั่วโมง วิ่งได้แค่ 5.03 กม.
นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่งกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า จากการสำรวจปัญหาการจราจรปี 58 ในเส้นทางถนนสายหลักของพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน ย่านใจกลางพื้นที่เศรษฐกิจ 7 เส้นทาง พบว่า พื้นที่ที่มีปัญหาการจราจรติดขัดมีปริมาณรถยนต์ใช้งานมากที่สุดคือ
1.ถนนสาทร มีปริมาณรถใช้งาน 4,380 คันต่อชม. โดยในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า ความเร็วรถจะใช้ได้ 13.45 กม.ต่อชม. ส่วนช่วงเวลาเร่งด่วนเย็น ความเร็วรถจะใช้ได้ 5.03 กม.ต่อชม.
2.ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มีรถผ่าน 3,982 คันต่อชม. ช่วงเร่งด่วนเช้า ความเร็วรถจะใช้ได้ 12.82 กม.ต่อชม. ส่วนช่วงเวลาเร่งด่วนเย็น ความเร็วรถจะใช้ได้ 13.76 กม.ต่อชม.
3.ถนนสุรศักดิ์ มีปริมาณรถใช้งาน 4,380 คันต่อชม. ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า ความเร็วรถจะใช้ได้ 7.93 กม.ต่อชม. ส่วนช่วงเวลาเร่งด่วนเย็น ความเร็วรถจะใช้ได้ 11.83กม.ต่อชม.
4.ถนนพญาไท มีปริมาณรถใช้งาน 2,729 คันต่อชม. ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า ความเร็วรถจะใช้ได้ 9.13 กม.ต่อชม. ส่วนช่วงเวลาเร่งด่วนเย็น ความเร็วรถจะใช้ได้ 6.28 กม.ต่อชม.
5.ถนนสีลม มีปริมาณรถใช้งาน 2,468 คันต่อชม. ช่วงเร่งด่วนเช้า ความเร็วรถจะใช้ได้ 9.52 กม.ต่อชม. ส่วนช่วงเวลาเร่งด่วนเย็น ความเร็วรถจะใช้ได้ 9.43 กม.ต่อชม.
6.ถนนราชดำริ มีปริมาณรถใช้งาน 2,226 คันต่อชม. ช่วงเร่งด่วนเช้า ความเร็วรถจะใช้ได้ 9.34 กม.ต่อชม. ส่วนช่วงเวลาเร่งด่วนเย็น ความเร็วรถจะใช้ได้ 5.03 กม.ต่อชม.
7.ถนนพิษณุโลกมีปริมาณรถใช้งาน 896 คันต่อชม. ช่วงเร่งด่วนเช้า ความเร็วรถจะใช้ได้ 15.54 กม.ต่อชม. ส่วนช่วงเวลาเร่งด่วนเย็น ความเร็วรถจะใช้ได้ 13.56 กม.ต่อชม.
ทั้งนี้ จากปัญหาการจราจรติดขัด กทม.จึงได้ดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล และหันมาเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ หรือรถจักยาน ซึ่งปัจจุบันได้ปรับปรุงทางเท้า แบ่งช่องจราจร ทำเป็นเส้นทางจักรยานไปแล้ว ระยะทางรวม 232 กม. และในอนาคตกทม.ได้ประสานทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อหาแนวทางการจัดทำเส้นทางร่วม ระหว่างรถส่วนบุคคลและจักรยาน เพื่อให้รถทุกชนิด สามารถใช้ท้องถนนได้อย่างเท่าเทียม โดยการใช้เส้นทางร่วม เบื้องต้นต้องมีการขยายช่องจราจรช่องซ้ายสุดของถนน ให้มีขนาดใหญ่กว่าช่องจราจรอื่นๆ และออกกฎหมายจำกัดความเร็วของรถที่ใช้ช่องจราจรดังกล่าวให้อยู่ที่ไม่เกิน 30 กม.ต่อชม. เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ทาง โดยเฉพาะจักรยาน เนื่องจากความเร็วดังกล่าว มีผลการศึกษาว่า หากเกิดอุบัติเหตุกับจักรยานจะทำให้ไม่เกิดความสูญเสียขึ้นรุนแรง อย่างไรก็ตามกทม.ต้องหารือถึงเส้นทางนำร่องกับทางบช.น.อีกครั้ง ก่อนจะเริ่มดำเนินต่อไป







