ชาวบ้านริมคลองรังสิต เรียกร้องเร่งแก้ปัญหาน้ำเน่าเสีย

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางสาวเว้งอี่ แซ่ฮ้อ อายุ 62 ปี ชาวบ้านริมคลองรังสิตฯ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี กล่าวว่า น้ำในคลองเน่ามาประมาณเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว จากน้ำที่เคยใช้อาบใช้ซักผ้า ตอนนี้แม้แต่จะตักมาล้างจานยังล้างไม่ได้เลย และส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว ทำให้ชาวบ้านแถบนี้ ต้องทนสูดดมกลิ่นมลพิษตลอด 24 ชั่วโมง จึงต้องการเรียกร้องให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยแก้ปัญหา เพราะดูเหมือนว่า การกำจัดผักตบชวาคงจะไม่เพียงพอ หากสามารถเปิดประตูระบายน้ำ เข้ามาในคลอง เพื่อผลักดันน้ำเน่าเสียออกจากพื้นที่ น่าจะเป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่ดีกว่า

ด้านนางพร ศิริสุภา อายุ 58 ปี หมอนวดแผนโบราณตลาดน้ำสะพานแดงคลองรังสิตประยูรศักดิ์ เปิดเผยว่า น้ำในคลองรังสิตฯเน่าเหม็นมาเป็นเวลานานในช่วงที่น้ำในคลองวิกฤติมาก แต่เมื่อมีฝนตกลงมาบ้าง น้ำในคลองเริ่มมีมากขึ้น ก็น่าจะผ่อนคลายปัญหาน้ำเน่าเสีย แต่กลับเหม็นเน่าหนักยิ่งขึ้น ลูกค้าที่มานวดต่างหายหน้าหายตาไปหมดเพราะคงทนดมกลิ่นเหม็นเน่าของน้ำไม่ไหว ซึ่งก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรในเรื่องของกลิ่นเหม็นเน่าของน้ำ แต่ถ้ามีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง เช่น ชลประทาน ถ้ามีการเปิดประตู เพื่อระบายน้ำเสียออกไปบ้าง ก็น่าจะบรรเทากลิ่นเหม็นเน่าไปได้บ้างในระดับหนึ่ง

ส่วน นายบานเย็น จันทร์แก้ว อายุ 72 ปี อาชีพขับเรือส่งเด็กนักเรียน บ้านเลขที่ 348 หมู่ 3 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ตนเองขับเรือส่งเด็กมา 20 ปี ในระยะทาง 3 กิโลเมตร ซึ่งคลองรังสิตประยูรศักดิ์น้ำเน่ามากว่าเดือนที่แล้ว ทุกปีจะเป็นแบบนี้หากน้ำในคลองน้อย โดยปีนี้น้ำแล้งกว่าปกติ ต่อมาชลประทานปิดประตูน้ำทำให้น้ำทิ้งจากบ้านเรือนประชาชนสะสมจนน้ำเสีย และมีสีดำ มีกลิ่นเหม็นอยู่ตลอดเวลา ชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่ริมคลอง จะชินกับกลิ่นนี้อยู่แล้ว แต่ประชาชนที่ผ่านไปผ่านมาจะรู้สึกว่าเหม็นมาก

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายชูชาติ ศุภวรรธนางกูร ผู้อำนวยการโครงการชลประทานปทุมธานี ได้เคยชี้แจงสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน เข้าสู่ภาวะปกติทั้งหมดแล้ว พร้อมขอเตือนให้พี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลเมืองรังสิต อย่างพึ่งตระหนกตกใจ เพราะมีความจำเป็นของต้นหนที่จะต้องระบายน้ำส่วนหนึ่ง จากการเหลือใช้เพื่อผลักดัน ปรับสู่ระบบนิเวศ โดยน้ำเสียจะไหลมาใช้ช่วงเวลาระยะหนึ่งเท่านั้น