รวบพ่อค้าเฮโรอีนรายใหญ่-ปลอมบัตรปชช.หลบหนี
รวบพ่อค้ายารายใหญ่ หลังถูกหมายจับคดีผู้จ้างวานส่งเฮโรอีน 43 กก.เมื่อ 4 ปีก่อน แฉทำบัตรปชช.ใหม่เพื่อหลบหนี ตะลึงพบบัตรประชาชนของจริง 2 ใบ
รวบพ่อค้ายารายใหญ่ หลังถูกหมายจับคดีผู้จ้างวานส่งเฮโรอีน 43 กก.เมื่อ 4 ปีก่อน แฉใช้วิธีการทำบัตรประชาชนขึ้นมาใหม่เพื่อหลบหนี-ทำธุรกรรม ตะลึงพบบัตรประชนของจริง 2 ใบ
วันนี้ (2 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.ประหยัชว์ บุญศรี รองผบช.ภาค 5 พร้อมด้วยพล.ต.ต.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมแถลงการณ์จับกุมนายกิตติพันธ์ เอกสุริยโชค ผู้อยู่เบื้องหลังการค้าเฮโรอีนล็อตใหญ่ จำนวน 123 แท่ง หนัก 43 กิโลกรัม เมื่อปี 2554 ได้ที่บริเวณร้านอาหารเอ็มเค สุกี้ภายในห้างโลตัส สาขาตลาดคำเที่ยง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งขณะจับกุม นายกิตติพันธ์ ได้แสดงบัตรประชาชนชื่อนายเบเบ เลาซี เลขที่บัตร 8-5803-84006-84-2 บ้านเลขที่ 191 หมู่ 4 ต.เวียงเหนือ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน นอกจากนี้ ค้นตัวพบบัตรประชาชนอีก 1 ใบโดยใช้ชื่อ นายคายหยิง แซ่เฉื่อน บ้านเลขที่ 4/518 ถ.ป๊อบปูล่า (อาคาร P2) เมืองทองธานี ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
จากการซักถามอย่างละเอียด ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตน คือ นายกิตติพันธ์ เอกสุริยโชค โดยบัตรประชาชนใบแรกที่ทำขึ้นโดยใช้ชื่อ นายคายหยิง แซ่เฉื่อน ทำขึ้นที่ จ.ภูเก็ต มีค่าดำเนินการ 4 หมื่นบาท และบัตรประชาชนใบที่ 2 ในชื่อนายเบเบ เลาซี ทำขึ้นที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ โดยมีค่าดำเนินการ 3.5 หมื่นบาท ซึ่งจากบัตรประชาชนที่นายกิตติพันธ์ ถือครองทั้ง 2 ใบนั้นพบว่าเป็นของจริง และสามารถใช้ดำเนินธุรกรรมต่างๆ รวมถึงใช้อำพรางตัวตน ทำให้รอดพ้นการจับกุมมาโดยตลอด
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลองสอบถามนายกิตติพันธ์ ถึงที่มาที่ไปของบัตรประชาชน แต่นายกิตติพันธ์ได้ปฏิเสธการให้ทุกข้อมูล โดยพูดเพียงว่า ข้อมูลทุกอย่างขอนำไปพูดในชั้นศาลเท่านั้น
การจับกุมนายกิตติพันธ์ ในครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2554 เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน ได้จับกุมตัวนายมงคล รุ่งการเจริญ และนายสุรชัย ธนรัตน์ศิริกุล พร้อมของกลางเฮโรอีนจำนวน 123 แท่ง หนัก 43 กิโลกรัม ซึ่งได้มีการซุกซ่อนในช่องลับใต้หลังคาแครี่บอยของรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีทอง ทะเบียน ตฐ 2977 กรุงเทพมหานคร โดยจับกุมได้ที่บริเวณถนนทุ่งหัวช้าง-แม่อาว บ้านทุ่งข้าวหาง หมู่ที่ 1 ต.ตะเคียนปม อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน ซึ่งผู้ต้องหาให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายอะเลผะ หรือนายผี และนายกิตติพันธ์ ให้นำเฮโรอีนจำนวน 123 แท่ง หนัก 43 กิโลกรัมไปส่งให้กับกลุ่มผู้ซื้อในพื้นที่กรุงเทพฯ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนได้ติดตามจับกุมนายกิตติพันธ์ และนายอะเลผะ มาโดยตลอด และได้สืบทราบภายหลังว่า นายกิตติพันธ์ เป็นลูกเขยของนายอะเลผะ ซึ่งมีบทบาทในการะประสานการค้ายาเสพติดและควบคุมสั่งการอยู่ในแหล่งผลิตติดกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยจากการขยายผลสืบทราบเพิ่มเติมว่าการค้าเฮโรอีนดังกล่าวมีการทำเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ มีกระบวนการแบบเครือญาติ เป็นธุรกิจแบบครอบครัว
ที่ผ่านมาสามารถจับกุมได้แล้ว 3 เครือข่ายใหญ่ ดังนี้ คือ เครือข่ายที่ 1 นายสัมพันธ์ ยี่ปา ถูกเจ้าพนักงานตำรวจกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 จับกุมเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2547 พร้อมของกลางเฮโรอีนจำนวน 117 แท่ง เครือข่ายที่ 2 นายไทเหวิ่น แซ่ลี้ พร้อมพวกจำนวน 7 คน ถูกจับกุมโดยชุดปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ โดยจับกุมเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2552 พร้อมของกลางเฮโรอีน น้ำหนักรวม 6.5 กิโลกรัม เครือข่ายที่ 3 นายอภิวัฒน์ ยี่ปา ซึ่งเป็นลูกชายของนายอะเลผะ และเป็นน้องภรรยาของนายกิตตพันธ์ พร้อมพวก 4 คน ถูกเจ้าพนักงานตำรวจศูนย์สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจับกุมเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2556 พร้อมของกลาง คือ เฮโรอีน 154 แท่ง
พล.ต.ต.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า การหลบหนีของผู้ต้องหาค้ายาเสพติดส่วนใหญ่จะมีอยู่ 3 วิธี คือ 1.การหลบหนีไปอยู่นอกประเทศ โดยในส่วนนี้จะตามตัวยาก เพราะต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ทางฝั่งประเทศที่ผู้ต้องหาหลบหนีไปกบดาน 2.หลบหนีไปกบดานอยู่กับเพื่อนหรือกลุ่มผู้ค้ายาด้วยกัน และ 3. การปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ซึ่งวิธีที่นิยมใช้กันคือ การทำบัตรประชาชนขึ้นมาใหม่ โดยเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนที่อยู่ ซึ่งบัตรประชาชนที่ทำขึ้นนั้นก็เป็นของจริง สามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้ เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้คือ หน้าตา เว้นแต่ว่าจะมีการไปศัลยกรรม ซึ่งการทำบัตรประชาชนใหม่ พบได้มากที่เขตพื้นที่กรุงเทพฯและฝั่งภาคอีสาน
แต่สำหรับกรณีของนายกิตติพันธ์นั้น ทางเจ้าหน้าที่มีรูปพรรณสัณฐาน ซึ่งก็มีการตรวจสอบผ่านระบบทางราชการเรื่อยมา กระทั่งพบว่า มีการแจ้งทำบัตรประชาชน โดยรูปของนายเบเบ เลาซี นั้นได้ตรงกับพรรณสัณฐานของนายกิตติพันธ์ จึงได้ทำการขยายผลและจับกุมในเวลาต่อมา อีกทั้งยังสามารถตรวจได้โดยง่ายคือ บัตรประชาชนที่ขึ้นต้นด้วยเลข 8 นั้น แสดงให้เห็นว่าผู้ถือบัตรยังไม่ได้รับสัญชาติไทย 100% อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบสัญชาติ ซึ่งก็ง่ายต่อการตามหา โดยในการนี้ก็จะนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายกันต่อไป







