'สุขุมพันธุ์' ตรวจระบบระบายน้ำบึงนิคมมักกะสัน
“สุขุมพันธุ์” ตรวจระบบระบายน้ำบึงนิคมมักกะสัน สั่ง 50 เขตผนึกตร.-ทหาร รับมือฝนถล่มกรุง “อาทิตย์-จันทร์” นี้
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่บ่อสูบน้ำบึงนิคมมักกะสัน เขตราชเทวี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) พร้อมนายสัญญา ชีนิมิตร ปลัดกทม. นายอดิศักดิ์ ขันตี รองปลัดกทม. นายกังวาฬ ดีสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ ลงพื้นที่ตรวจการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำจุดอ่อนน้ำท่วมขังบริเวณบ่อสูบน้ำ ถนนนิคมมักกะสัน บริเวณหน้าโรงพยาบาลบุรฉัตรไชยากร
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า พื้นที่เขตราชเทวี บริเวณถนนศรีอยุธยา เป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมมานาน เนื่องด้วยท่อระบายน้ำมีขนาดเพียง 60 เซนติเมตร อีกทั้งมีระบบสาธารณูปโภคใต้ดินจำนวนมาก ทำให้การปรับปรุงท่อระบายน้ำให้ใหญ่ขึ้นทำได้ยาก กทม.จึงใช้การสร้างบ่อสูบน้ำกำลังสูงดึงน้ำลงสู่คูน้ำและคลองแสนแสบ ซึ่งบริเวณถนนนิคมมักกะสันได้ติดตั้งแล้วเสร็จตั้งแต่ปลายปี 2557 ทำให้การระบายน้ำในพื้นที่ทำได้เร็วขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาจุดอ่อนย่านนิคมมักกะสันได้ อีกทั้งยังช่วยดึงน้ำบางส่วนจากถนนราชปรารภลงคลองมักกะสันและคลองแสนแสบได้เร็วขึ้น ทำให้การระบายน้ำถนนศรีอยุธยาดีขึ้นไปด้วย โดยจากเหตุฝนหนักเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ถนนศรีอยุธยาใช้เวลาในการระบายน้ำประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าบริเวณจุดอ่อนมักกะสัน ราชปรารภ และศรีอยุธยาสามารถระบายน้ำได้ดีขึ้นกว่าเดิม
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ กทม.จะดำเนินการลดจุดอ่อนน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ต่อไป เนื่องจากระบบระบายน้ำกทม.ยังไม่สมบูรณ์ซึ่งต้องพัฒนาต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 20 ปี ด้วยมีเงื่อนไขด้านงบประมาณซึ่งต้องใช้งบลงทุนมหาศาลกว่าแสนล้านบาท แต่ปัจจุบันระบบระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯดีขึ้นกว่าเมื่อ 5-10 ปีที่ผ่านมา แต่ด้วยสภาพอากาศไม่เหมือนเดิม อีกทั้งลักษณะทางกายภาพของเมืองเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งตนเองเข้าใจถึงความกังวลของประชาชนและหลายคนยังไม่ลืมเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2554 แต่ก็ขอให้เข้าใจข้อเท็จจริงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย และขอความร่วมมือสื่อมวลชนชี้แจงและทำความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวด้วยว่า จากคาดการณ์จะเกิดฝนตกหนักในกรุงเทพฯ วันอาทิตย์และวันจันทร์ ตนได้สั่งการให้ 50 สำนักงานเขต จัดจุดนัดพบ 3 หน่วยงาน ได้แก่ กทม. ตำรวจ และทหาร เพื่อการประสานงานและเข้าประจำการจุดอ่อนทั้งกำลังคนและอุปกรณ์ในแต่ละพื้นที่ได้เร็วขึ้น เพื่อให้พร้อมรับมือฝนหนักที่จะถึงนี้ ในส่วนของจุดอ่อนน้ำท่วม 22 แห่งกทม.ยังดำเนินการแก้ไข แม้ว่า 22 จุดอ่อนน้ำท่วมที่มีอยู่จะหมดไป และอาจเกิดจุดอ่อนใหม่ได้ เนื่องด้วยการเงื่อนไขต่างๆ เช่น การก่อสร้าง การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน การเปลี่ยนแปลงของเมืองในอนาคต แต่กทม.ก็จะเดินหน้าแก้ไขจุดที่มีปัญหาต่อไป




