เผยเด็กมัธยมกทม.เป็นกลุ่มหลากหลายทางเพศ11%

พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร คลินิกเพศหลากหลายในวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ “จดหมายถึงแม่” ที่รวบรวมจดหมายจากลูกๆ กลุ่มหลากหลายทางเพศที่ต้องการส่งความรู้สึกให้พ่อแม่และสังคมได้อ่าน เพื่อความเข้าใจและยอมรับต่อลูกที่เป็นกะเทย ทอม ดี้ เกย์ เป็นต้นว่า การที่พ่อแม่ไม่ยอมรับลูกที่เป็นกลุ่มหลากหลายทางเพศ ทำให้เกิดความทุกข์ทั้งพ่อแม่และลูกเอง ซึ่งล้วนเกิดจากความรักที่มีต่อกัน พ่อแม่เป็นทุกข์เพราะเป็นห่วงลูก ลูกเป็นทุกข์เพราะรักพ่อแม่ หากลูกไม่รักพ่อแม่ก็จะไม่มีความรู้สึกเป็นทุกข์กับการที่พ่อแม่ไม่เข้าใจ

ดังนั้น พ่อแม่ควรยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น ไม่ฝืนธรรมชาติของเขา เหมือนการเขียนหนังสือ หากพ่อแม่ถนัดขวาแต่ลูกถนัดซ้ายก็ไม่ควรบังคับให้ลูกเขียนด้วยมือขวาเช่นตัวเอง เรื่องความหลากหลายทางเพศก็เช่นกัน พ่อแม่ควรยอมรับและเข้าใจว่าเพศไม่ได้มีแค่ชายและหญิงเท่านั้น คือมีอวัยวะเพศชายคือผู้ชาย อวัยวะเพศหญิงคือผู้หญิง แต่ยังมีความหลากหลายอีกมาก ซึ่งปัจจุบันแม้สังคมไทยจะเปิดกว้างและยอมรับกลุ่มคนหลากหลายทางเพศมากขึ้น แต่เป็นการยอมรับเพราะกลุ่มคนหลากหลายทางเพศมีมากขึ้น ไม่ใช่การยอมรับด้วยความเข้าใจ จึงถือว่าสังคมไทยยังไม่เข้าใจเรื่อความหลากหลายทางเพศที่แท้จริง

“จากการทำวิจัยโดยสำรวจเยาวชน กทม.ระดับมัธยม 3,000 ราย พบว่า เป็นกลุ่มหลากหลายทางเพศ 11% ได้รับการยอมรับจากครอบครัวเพียง 50% ที่เหลือยังไม่ยอมรับ โดยกลุ่มเด็กที่ไม่ได้รับการยอมรับจะมีผลการเรียนแย่กว่า มีอาการซึมเศร้า และอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่า ดังนั้น พ่อแม่ควรยอมรับในสิ่งลูกเป็น และต้องยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นคนดี ประสบความสำเร็จในชีวิตจึงจะยอมรับ ซึ่งการจะทำให้สังคมและพ่อแม่ยอมรับให้ได้ว่าเพศมีความหลากหลายมากกว่าแค่ 2 เพศ ต้องอาศัยสื่อกลางในการสื่อสาร เช่น หนังสือจดหมายถึงแม่ที่มาช่วยเปิดเผยความรู้สึก หรือแม้แต่แพทย์ คลินิกหลากหลายทางเพศ ก็จะเป็นหนทางหนึ่งในการช่วยสร้างความเข้าใจให้แก่ครอบครัวและสังคมได้” พญ.จิราภรณ์ กล่าว

พญ.จิราภรณ์ กล่าวอีกว่า คลินิกเพศหลากหลายในวัยรุ่น รพ.รามาธิบดี เปิดให้บริการมาตั้งแต่ ก.ย.ปี 2557 ให้คำปรึกษาความหลากหลายทางเพศในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 10-24 ปี ขณะนี้มีเคสเข้ามารับคำปรึกษาแล้วประมาณ 20-30 ราย เนื่องจากคลินิกเปิดให้บริการเดือนละครั้ง พบว่า ส่วนใหญ่เป็นพ่อแม่พาลูกมาปรึกษามากกว่าเด็กวอล์กอินเข้ามารับคำปรึกษาเอง ซึ่งมีทั้งกลุ่มพ่อแม่ที่ยอมรับในตัวลูกแต่อยากมาขอคำปรึกษา และกลุ่มพ่อแม่ที่ไม่ยอมรับลูก ต้องการแก้ไขให้ลูกกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่หลังจากที่คลินิกให้คำปรึกษาพบว่า ส่วนใหญ่พ่อแม่มีความเข้าใจและยอมรับในตัวลูกมากขึ้น