มช.นำร่อง'โครงการหมวกกันน็อค100%'

มช.นำร่อง'โครงการหมวกกันน็อค100%'

มช.ร่วมมือ ตำรวจเชียงใหม่ นำร่องรณรงค์สวมใส่หมวกกันน็อค 100% เพื่อความปลอดภัยของนักศึกษา-บุคลากร

วันนี้ (18 กพ.) ที่ลาน อมช. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับพล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ จัดกิจกรรม "โครงการหมวกกันน็อค 100%"(CMU Helmet 100%) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนายบรรลือ พักนา ผู้จัดการอาวุโสสาขาเชียงใหม่ บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ที่มอบหมวกนิรภัยราคาถูกเพื่อเป็นองค์กรต้นแบบในการสวมหมวกนิรภัย 100% โดยกิจกรรมนี้ได้เปิดให้นักศึกษา บุคลากรและประชาชนร่วมลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อนร่วมรณรงค์สวมหมวกนิรภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 300 คน เพื่อตอบรับมาตรการตรวจ จับ ปรับจริง ภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2558 นี้เป็นต้นไป


ทั้งนี้ กิจกรรมภายในงานมีการแจกหมวกนิรภัยแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมและได้จัดขบวนโดยมีรถลางนำขบวน ตามด้วยขบวนรถจักรยานยนต์ซึ่งมีผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายสวมใส่หมวกนิรภัยที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการแจกจ่ายและเดินทางไปยังสำนักงานมหาวิทยาลัยเพื่อดำเนินงานพิธีเปิด โดยพล.ต.ต.มนตรี ได้มอบหมวกนิรภัยให้นายแพทย์นิเวศน์ เพื่อมอบให้มาสคอตช้าง มาสคอตประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ก่อนจะเคลื่อนขบวนขี่รถวนรอบมหาวิทยาลัย


พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าวว่า โครงการหมวกกันน็อค 100% เป็นความร่วมมือของตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นโครงการนำร่องของมหาวิทยาลัยแรกในระดับอุดมศึกษาที่มีความพยายามที่จะสวมหมวกกันน็อต 100% โดยมีบุคลากรประมาณ 4 หมื่น หากประสบความสำเร็จก็จะมีองค์กรอื่นๆตามมา ทั้งนี้ มีเป้าหมายในการลดอุบัติเหตุให้น้อย


"จังหวัดเชียงใหม่เฉพาะรถจักรยานยนต์ที่มีการจดทะเบียนมีประมาณ 1 ล้านคัน และยังรวมไปถึงรถที่ไม่ได้จดทะเบียนนำมาใช้ที่เชียงใหม่ รวมกันน่าจะประมาณ 1.3 ล้านคัน และในช่วงเทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ เกิดอุบัติเหตุซึ่งมาจากการดื่มสุราจำนวนมาก หากมีการสวมหมวกนิรภัยจะช่วยลดการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตได้"ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าว


นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีจักรยานยนต์มากกว่า 7,00-8,000 คัน โดยอุบัติเหตุเหล่านี้บ่อยครั้งที่เกิดอุบัติเหตุและการสูญเสีย และเมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีโครงการนี้ขึ้นทางมหาวิทยาลัยเองจึงเข้าร่วมมือเพื่อจะเป็นประโยชน์แก่นักศึกษา บุคลากรและอยากจะเห็นการสวมใส่หมวกนิรภัยเป็นวงกว้าง ซึ่งจะใช้กันอย่างแพร่หลายต่อไป ?