รวบหนุ่มบัลแกเรียรูดบัตรปลอมทำแบงก์สูญ40ล้าน

รวบหนุ่มบัลแกเรียรูดบัตรปลอมทำแบงก์สูญ40ล้าน

"กองปราบ" รวบสกิมเมอร์หนุ่มบัลแกเรีย รูดบัตรปลอมทำแบงก์สูญ 40 ล้าน

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.พลฑิต ไชยรส ผกก.3 บก.ป.พร้อมด้วยนายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโสสายบริหารการป้องกันอาชญากรรมการเงินและความปลอดภัย ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมกันแถลงผลจับกุม นายดาวอด ฮามิด อาลเจนาบี (MR.DAWOD HAMID ALJENABI) อายุ 47 ปี สัญชาติบัลแกเรีย พร้อมของกลาง บัตรอีเล็กทรอนิกส์ 32 ใบ , เงินสด 5,500 บาท , ธนบัตรสกุลยูโร 4,000 ยูโร หรือประมาณ 1.6 แสนบาท , กระเป๋าสะพายสีดำ 1 ใบ , หมวกแก๊ปสีเทา 1 ใบ , สมุดสีน้ำตาล 1 เล่ม , โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง , หนังสือเดินทางประเทศบัลแกเรีย เลขที่ 382890271 และบัตรประชาชนของผู้ต้องหา 1 ใบ โดยจับกุมได้ที่หน้าร้านขายยาเคอาร์ ฟาร์มาซี ซอยเพชรบุรี 10 (ซอยกิ่งเพชร) แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม.


พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า สืบเนื่องจากชุดสืบสวน กก.3 บก.ป.ได้รับการประสานข้อมูลจากทางธนาคารไทยพาณิชย์ ว่าพบความผิดปกติในการใช้บัตรอีเล็กทรอนิกส์ โดยมีการกดเงินออกจากตู้เอทีเอ็มธนาคารต่างๆ หลายแห่งใน กทม.ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงเร่งตรวจสอบข้อมูล ก่อนจะลงพื้นที่ติดตามพฤติการณ์คนร้าย ซึ่งคาดว่าเป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาก่อเหตุ เนื่องจากมีการใช้บัตรอีเล็กทรอนิกส์ปลอมที่เป็นชุดเดียวกับของผู้เสียหายในธนาคารประเทศฝรั่งเศส


พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวต่อว่า หลังจากสืบทราบข้อมูลของแก๊งคนร้ายแล้ว เจ้าหน้าที่จึงวางแผนสืบสวนติดตาม โดยเฝ้าระวังสังเกตุพฤติการณ์ตามจุดเสี่ยงต่างๆ กระทั่งเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ประสานข้อมูลว่าพบการใช้บัตรอีเล็กทรอนิกส์ปลอมกดเงินในบริเวณซอยเพชรบุรี 10 เจ้าหน้าที่จึงรุดเข้าตรวจสอบพบนายดาวอด กำลังกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น พบบัตรอีเล็กทรอนิกส์ปลอม 32 ใบ ถูกซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพาย เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้สอบสวนดำเนินคดี พร้อมกันนั้นได้ขยายผลเข้าตรวจค้นห้องพักของผู้ต้องหารายนี้ที่โรงแรมซีตรัส ซอยสุขุมวิท 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม.พบของกลางที่เหลือทั้งหมด


พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยอ้างว่านำบัตรมาใช้กดเงินสดจริง แต่ไม่ยอมเปิดเผยว่าร่วมมือกับใคร หรือนำมาจากแหล่งใด ส่วนการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหาถือหนังสือเดินทางนักท่องเที่ยว มีอายุการอาศัยอยู่ในประเทศไทย 90 วัน ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ผู้ต้องหาเคยเดินทางเข้าประเทศมาแล้วครั้งหนึ่ง สำหรับข้อมูลการใช้บัตรพบว่ามีมูลค่าความเสียหายเกิดขึ้นแล้วประมาณ 40 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะเร่งประสานกับทางธนาคารเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ใช้และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอีเล็กทรอนิกส์โดยรู้ว่าเป็นของที่ทำปลอมหรือแปลงขึ้นโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งชุดจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.รับไว้ดำเนินคดีต่อไป