วิสามัญมอดไม้พะยูงป่าฤาไนตาย1จับเป็น3

จนท.ป่าไม้ วิสามัญมอดไม้พะยูงป่าฤาไน ตาย 1 จับเป็น 3 หลบหนี 4 ชี้ทำมาหลายครั้งได้ค่าจ้างครั้งละ10,000บาท
จากกรณีคืนวานนี้ (21 ส.ค.) ร.ต.อ.ทีปต์ ไม้ลึกดี ร้อยเวรสอบสวนสภ.ท่าตะเกียบ ได้รับแจ้งจาก นายประยูร พรหมพันธุ์ เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ว่ามีเหตุเจ้าหน้าที่วิสามัญคนร้ายที่ร่วมกันลักลอบเข้าไปตัดไม้พะยูงในเขตรักษาพันธุ์ เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบริเวณป่าทับกระบก ม. 7 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบจ.ฉะเชิงเทราจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อม พ.ต.อ.ธนู พวงมณี ผกก.สภ.ท่าตะเกียบ พ.ต.ท.เทอดศักดิ์ วรรณพุฒ รอง ผกก.สส.พ.ต.ท.ไพฑูรย์ พันตานุสนธ์ พนักงานสอบสวนชำนาญการ นำกำลัง เดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุอยู่ในป่าลึกเส้นทางไปหน่วยพิทักษ์ป่าหลุมจังหวัด รถใหญ่ไม่สามารถเข้าไปได้ต้องเดินเท้าประมาณ 2 กม. เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่พบศพนายวุฒิชัย แก้วประโคน หรือเบียง อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 204 หมู่ที่ 7 บ้านร่มโพธิ์ทอง ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ นอนเสียชีวิตอยู่ในชุดสวมเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตแขนยาวสีขาวแดง กางเกงสีเทา ใส่รองเท้ายางแบบสตั๊ดสีเทา สวมหมวกแก๊ปแบบทหารนอนเสียชีวิตในลักษณะคว่ำหน้า มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่ศีรษะ 1 นัด มือขวายังกำมีดสปาต้า ซึ่งเป็นมีดแบบใช้เดินป่าความยาวประมาณ 1 ฟุตเศษอยู่ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังควบคุมตัวผู้ร่วมขบวนการตัดไม้ได้อีก 3 คนคือ นายเอกรัตน์ ซ้อมวงษ์ อายุ 21 ปี นายอนุรักษ์ ซ้อมวงษ์ อายุ 18 ปีและนายเฉลิม วงษ์อัมพร อายุ 17 ปี ทั้งหมดเป็นชาวบ้านหมู่บ้านร่มโพธิ์ทอง ม.7 ตงคลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ยังพบไม้พะยูงแปรรูป จำนวน 15 แผ่น ปริมาตร .50 ลบ.เมตร รถเข็นสองล้อ จำนวน 2 ชุด เลื่อยโค้ง 1 ปื้น พร้อมอะไหล่เลื่อยโซ่ยนต์อีกจำนวนหนึ่ง ห่างออกไปจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร พบแคมป์ที่ขบวนการตัดไม้สร้างไว้พัก มีเป้สะพาย เสบียงอาหารน้ำดื่ม บะหมี่สำเร็จรูปและเครื่องกระป๋องอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งตอไม้พะยูงที่เพิ่งถูกตัดใหม่ๆ อีก 2 ตอ แต่เนื่องจาก จุดที่เกิดเหตุอยู่ในป่าลึก ซึ่งรถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้ถึง ต้องใช้เวลาเดินเท้าระยะทางประมาณ 2 กม. ประกอบกับเป็นเวลาค่ำมืดแล้วและเป็นคดีวิสามัญฆาตกรรม พ.ต.อ.ธนู พวงมณี ผกก.สภ.ท่าตะเกียบ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้และทหารพราน จัดเวรยามรักษาสถานที่เกิดเหตุไว้เพื่อรอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าไปตรวจสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง
กระทั่งช่วงเช้าของวันนี้ (22 ส.ค.) พ.อ.สุรินทร์ เจริญชีพ หน.ชุดปฏิบัติการและปราบปราม กอ.รมน.จว.ฉะเชิงเทรา นายธวัชชัย วิจิตรวงษ์ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 สาขาปราจีนบุรี นายธีระ พรชูตรง นายอำเภอท่าตะเกียบ นายเสริมพันธุ์ สาริมาลย์ หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน พ.ต.อ.ธนู พวงมณี ผกก.สภ.ท่าตะเกียบ พ.ต.ท.เทอดศักดิ์ วรรณพุฒ รอง ผกก.สส.พ.ต.ท.ไพฑูรย์ พันตานุสนธิ์ พนักงานสอบสวนชำนาญการ ร.ต.อ.หญิงวรรณิศา กลิ่นจันทร์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา และนายคมสัน สิมสา รองอัยการจังหวัดฉะเชิงเทรา ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดวิสามัญฆาตกรรม นายปริญญา วงศ์หทัย
ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกัน อำเภอท่าตะเกียบ พญ.เพียงดาว นันตติกูล แพทย์เวรจาก รพ.ท่าตะเกียบ และนายสาโรจน์ ลายสุวรรณ กำนันตำบลคลองตะเกรา ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
จากการตรวจสภาพศพนายวุฒิชัย หรือเบียง แก้วประโคน พบมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่คิ้วซ้าย เสียชีวิตมาประมาณ 12 ชม. หลังชันสูตรได้มอบให้หน่วยกู้ภัยพนม นำส่งสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจชันสูตรอย่างละเอียด
นายประยูร พรหมพันธุ์ อายุ 48 ปี เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลา 08.00 น. ของวันที่ 20 สิงหาคม ตนเองพร้อมด้วย ร.ต.เดชสิทธิ์ ดำคง ผบ.ร้อย ทพ. 1306 กรมทหารพรานที่ 13 นายอาคม ชาติกปริญญ์ หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ฉช.3 (หนองคอก) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้และทหารพรานร้อย บก 1306 กรมทหารพรานที่ 13 รวม 15 นาย สนธิกำลังร่วมกันลาดตระเวนภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนหรือป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ซึ่งเป็นภาระกิจสำคัญในการป้องกันและปราบปรามกลุ่มคนที่เข้าไปลักลอบตัดไม้และล่าสัตว์ป่า เมื่อลาดตระเวนมาถึงที่เกิดเหตุ พบไม้พะยูงแปรรูปจำนวน 15 แผ่น กองอยู่ในป่าทับกระบก รวมทั้งเศษไม้พะยูงกระจายอยู่รอบๆ ตอไม้พะยูง 2 ตอซึ่งเพิ่งถูกตัดโค่นใหม่ คาดว่ากลุ่มขบวนการตัดไม้ได้เข้ามาลักลอบตัดไม้และแปรรูป เตรียมที่จะขนย้ายออกไป จึงวางกำลังซุ่มอยู่ห่างจากจุดที่พบไม้พะยูงประมาณ 200 เมตร กระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 21 สิงหาคม พบกลุ่มบุคคลจำนวน 6 ขน กำลังเข็นรถเข็น 2 ล้อ เข้าไปเพื่อเตรียมขนย้ายไม้พะยูงที่แปรูปไว้ เจ้าหน้าที่ที่ซุ่มอยู่ จึงแสดงตัวเพื่อจับกุม
แต่กลุ่มคนทั้งหมดต่างพยายามวิ่งหลบหนีไปคนละทิศละทาง โดยมีเจ้าหน้าที่แยกกำลังวิ่งไล่ตามไปอย่างไม่ลดละ ขณะเดียวกันนั้นนายสุดสาคร บุญบรรจบ อายุ 30 ปี ตำแหน่งพนักงานราชการ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ได้วิ่งไล่ตามคนร้ายรายหนึ่งซึ่งทราบภายหลังคือ นายวุฒิชัย หรือเบียง แก้วประโคน อายุ 39 ปี ไปติดๆ จนกระทั่งนายวัชระ วิ่งหนีเข้าไปในป่าหนามกะพ้อ ได้หยุดวิ่งพร้อมหันมาแบบประชิดตัวพร้อมใช้มีดสปาต้าที่ถืออยู่ในมือฟัน แต่นายสุดสาคร เจ้าหน้าที่เอี้ยวตัวหลบได้ทัน ขณะที่นายวัชระฯ เงื้อมมือ เพื่อใช้มีดฟันซ้ำอีก นายสุดสาคร บุญบรรจบ จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนพกประจำกายที่ถืออยู่ ยิงสวนเพื่อป้องกันตัวไป 1 นัด ถูกนายวัชระ ล้มลงดังกล่าว ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ที่เหลือ ก็สามารถไล่ติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 3 คน หลังเกิดเหตุจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุดังกล่าว
จากการสอบสวนนายอนุรักษ์ ซ้อมวงษ์ อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 314/2 ม.7 ต.คลองตะเกรา ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับพวกรวม 8 คน เข้าไปลักลอบตัดไม้และเตรียมใช้รถเข็ญขนย้ายจริง โดยมีนายภิรมณ์ ไม่ทราบนามสกุล คนในหมู่บ้านเดียวกัน เป็นหัวหน้า โดยก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 21 สิงหาคม นายอารมณ์ ได้ชักชวนให้ตนเองพร้อมพวกที่ถูกจับกุมและอีก 4 คนที่หลบหนีไปได้ทราบชื่อเล่นคือ นายบี นายเลิศ และนายอู คนในหมู่บ้านร่มโพธิ์ทอง ให้เข้าไปขนไม้พะยูงในป่าทับกระบก โดยพบนายบีกับนายเลิศ เฝ้ารออยู่ที่เต้นท์ จากนั้นนายภิรมย์ ได้พาตนเองและพวกรวม 6 คน พร้อมรถเข็น เดินทางเข้าไปยังจุดที่กองไม้พะยูงไว้ ขณะกำลังจะช่วยกันยกไม้ขึ้นรถเข็น ก็พบกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้และทหารพราน ออกมาจากที่ซุ่มทุกคนจึงพยายามวิ่งหลบหนีไปคนละทิศละทางแต่ไปไม่รอด ถูกจับกุมได้ดังกล่าว ส่วนนายภิรมย์ หัวหน้าและเพื่อนอีก 3 คน หลบหนีไปได้
นายอนุรักษ์ ซ้อมวงษ์ ให้การด้วยว่า ตนเองเคยร่วมกับนายภิรมณ์ และเพื่อนๆ เข้าไปลักลอบเข้าไปตัดไม้พะยูงในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนมาแล้วหลายครั้ง ได้ไม้พะยูงครั้งละไม่ต่ำกว่า 10 แผ่น โดยไม้พะยูงที่ตัดได้นายภิรมณ์ หัวหน้าจะเป็นคนเดินเข้าไปหาในป่า เมื่อพบต้นพะยูง ก็จะออกมาแจ้งพรรคพวกพร้อมอุปกรณ์เดินทางเข้าไป ตัดโค่นและจะทำการแปรรูปในป่า โดยจะทิ้งกองไม้ไว้ 2 - 3 วัน จากนั้นพร้อมรถเข็นย้อนเข้าไป ช่วยกันลำเลียงออกมาแล้วนำไปซ่อนไว้ตามหัวไร่ปลายนา ซึ่งเป็นไร่ของนายภิรมณ์ เองบ้าง และบางครั้งก็นำไปซ่อนไว้ท้ายไร่ของชาวบ้าน ส่วนคนรับซื้อและราคาขายไม้นั้นไม่ทราบ ส่วนตนเองและเพื่อนๆ ได้ค่าจ้างครั้งละ 10,000 บาท
ด้าน พ.ต.อ.ธนู พวงมณี ผกก.สภ.ท่าตะเกียบ เปิดเผยว่า เนื่องจากคดีนี้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐตกเป็นผู้ต้องหา ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง คือ อัยการจังหวัด แพทย์ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองและญาติของผู้ตายและพนักงานสอบสวน ร่วมกันชันสูตรศพแล้ว ก็ทำสำนวนวิสามัญ โดยพนักงานอัยการเป็นหัวหน้าดูแลสำนวน เพื่อส่งไปยังศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ไต่สวนมูลเหตุของการตายว่าเป็นอย่างไร ตามเหตุที่เจ้าหน้าที่กล่าวอ้างเป็นการป้องกันตัวหรือไม่ ส่วนผู้ต้องหาที่จับกุมได้ ก็ดำเนินคดีตาม พรบ.ป่าไม้ต่อไป ส่วนที่หลบหนีไป ก็ทราบรายละเอียดทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะนายภิรมย์ เกศา อายุประมาณ 50 ปี หัวหน้ากลุ่มขบวนการ จะได้รวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับกุมต่อไป







