คืนชื่อหมู่บ้านชายแดนใต้ อัตลักษณ์มลายู

คืนชื่อหมู่บ้านชายแดนใต้ คืนอัตลักษณ์ภาษามลายูสู่ชุมชน อีกหนึ่งมิติช่วยดับ "ไฟใต้"
เมื่อกล่าวถึงปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลายคนคงนึกถึงแต่เรื่องความรุนแรงเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ในความเป็นจริงแล้วปัญหาในพื้นที่ยังมีอีกหลายมิติที่ทุกฝ่ายต้องให้ความสำคัญและร่วมมือกันแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นศาสนา ประวัติศาสตร์ สังคม รวมทั้งวัฒนธรรม ซึ่งร้อยทั้งร้อยเกิดจากปัญหาในระดับชุมชนที่สั่งสมมาเป็นเวลานานจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ขยายวงกว้างจนยากจะแก้ไขดังเช่นที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้
โดยปัญหาระดับชุมชนที่เป็นเสียงสะท้อนจากชาวบ้านว่าปัญหาหนึ่งที่ต้องเร่งแก้ไขนั่นก็คือ "ชื่อหมู่บ้าน" ที่ถูกทางการตั้งให้ใช้มาแต่ครั้งโบราณกาล จะด้วยความไม่เข้าใจในเรื่องการใช้ภาษาในการสื่อสาร หรือด้วยเหตุใดก็ตาม แต่ชื่อหมู่บ้านที่ถูกตั้งให้ในหลายๆหมู่บ้านนั้นเป็นชื่อเรียกที่ผิดเพี้ยนไปจากที่ชาวบ้านเรียกกัน
ที่สำคัญชื่อหมู่บ้านเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นชื่อที่ไม่มีความหมาย และไม่สามารถอธิบายที่มาที่ไปของการเรียกชื่อเหล่านั้นได้ นั่นสะท้อนให้เห็นถึงรากลึกของปัญหาสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งที่มีต่อชุมชนดังกล่าวถูกตัดตอนขาดหายไป ส่งผลต่อคนรุ่นหลังไม่รู้รากเหง้าความเป็นมาของตัวเองทำให้ขาดความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ความเป็นมาของท้องถิ่น รวมถึงอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของบรรพชน
ย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่ผ่านมา ชาวบ้านจากบ้านกาเม็ง ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา นำโดย ซัมซุดดีน โดซอมิ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลอาซ่อง นับเป็นชุมชนแห่งแรกในพื้นที่สามารถขอเปลี่ยนชื่อจาก "กาเม็ง" เป็น "กือเม็ง" ได้เป็นผลสำเร็จ
ซัมซุดดีน เล่าว่า ทุกอย่างต้องใช้ข้อมูลแต่ทางราชการเปลี่ยนชื่อให้เลยจึงต้องทำประชาคมในหมู่บ้านแล้วส่งเรื่องให้ทางอำเภอดูว่าชื่อที่ใช้อยู่ไม่ถูกต้องต้องเปลี่ยนชื่อใหม่ แม้จะต้องใช้เวลาและอาศัยการติดตามเรื่องด้วยตัวเองแต่เมื่อเปลี่ยนชื่อได้แล้วชาวบ้านก็ดีใจมาก
จากผลสำเร็จในครั้งนั้นจึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโครงการ "ชื่อบ้าน นามเมือง ในพื้นที่ชายแดนใต้" ขึ้น โดยมีศูนย์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (PUSTA) ร่วมกับสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา เป็นผู้ดำเนินการ และได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากมูลนิธิเอเชียและศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
หลังจากทีมงานลงพื้นที่สำรวจความต้องการของชาวบ้านในแต่ละชุมชนแล้วก็ได้ข้อสรุปใน 10 หมู่บ้านนำร่องซึ่งนำไปสู่การมอบอัตลักษณ์ภาษามลายูและชื่อหมู่บ้านที่ถูกต้องกลับคืนสู่ชุมชนทั้ง 10 แห่งในงาน "มหกรรมเฉลิมฉลอง : ชื่อบ้านในความทรงจำ" ที่จัดขึ้น ณ หอประชุม สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) ไปเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ท่ามกลางความชื่นชมยินดีของชาวบ้านที่มาร่วมงาน
สำหรับหมู่บ้านนำร่องทั้ง 10 แห่งที่ได้รับการเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านในครั้งนี้ ได้แก่ 1.หมู่บ้านปรีดอ ม.8 ต.บาราเฮาะ อ.เมือง จ.ปัตตานี เปลี่ยนเป็น หมู่บ้านบลีดอ 2.หมู่บ้านลดา ม.3 ต.บาราเฮาะ อ.เมือง จ.ปัตตานี เปลี่ยนเป็น หมู่บ้านลาดอ 3.หมู่บ้านมะหุด ม.2 ต.ปะโด อ.มายอ จ.ปัตตานี เปลี่ยนเป็น หมู่บ้านมาโงะฮ 4.หมู่บ้านเขาวัง ม.3 ต.ตรัง อ.มายอ จ.ปัตตานี เปลี่ยนเป็น หมู่บ้านบูเกะแว 5.หมู่บ้านป่าไหม้ ม.1 ต.ดอนทราย อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี เปลี่ยนเป็น หมู่บ้านฮูตันฮางุส
6.หมู่บ้านบางเก่าเหนือ ม.1 ต.บางเก่า อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เปลี่ยนเป็น หมู่บ้านมืองาแบ ฮีเล 7.หมู่บ้านบางเก่าใต้ ม.2 ต.บางเก่า อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เปลี่ยนเป็น หมู่บ้านมืองาแบ 8.หมู่บ้านบางเก่าทะเล ม.3 ต.บางเก่า อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เปลี่ยนเป็น หมู่บ้านมืองาแบ ปาตา 9.หมู่บ้านเงาะกาโป ม.3 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา เปลี่ยนเป็น หมู่บ้านกือปาลอบาตัส เกาะกาโป และ10.หมู่บ้านบึงฉลาม ม.10 ต.ไพรวัน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เปลี่ยนเป็น หมู่บ้านกูแบยู
อิสมาอีล เบญจสมิทธิ์ หัวหน้าโครงการวิจัยครั้งนี้ เล่าว่า การทำงานครั้งนี้เป็นการประสานงานระหว่างชุมชนกับรัฐเพื่อให้ศักดิ์ศรีด้านภาษาแก่ชุมชนจึงเริ่มต้นใน 10 ชุมชนนำร่องดังกล่าว อย่างไรก็ดีจากการสำรวจยังพบว่ามีอีก 1,700 หมู่บ้านที่ชื่อหมู่บ้านยังมีปัญหาซึ่งผู้นำชุมชนและชาวบ้านต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนชื่อต่อไป
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) จากการพูดคุยร่วมกันของหลายภาคส่วนพบว่า ชื่อหมู่บ้านเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนไม่ได้ เปลี่ยนได้แต่อย่าให้ผิดความหมาย และไม่ใช่เพียงแค่เรื่องชื่อหมู่บ้านเท่านั้นยังมีเรื่องป้ายถนน ป้ายทางราชการซึ่งที่ผ่านมาได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเป็น 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษามลายู และภาษาอังกฤษไปแล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นนโยบายของ ศอ.บต.ที่ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมและทำให้เป็นรูปธรรมได้
ด้าน ว่าที่ร้อยตรีโมฮำมัดยาสรี ยูซง อดีตกำนัน ต.บางเก่า อ.สายบุรี จ.ปัตตานี กล่าวว่า ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อแต่ละหมู่บ้านองค์ประกอบที่ทำให้ชุมชนสงบสุขคือ ความเป็นเอกภาพของผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ผู้นำศาสนาที่เป็นองคาพยพที่สำคัญ นอกจากนี้ยังมีเรื่องความเป็นธรรมของอัตลักษณ์ของภาษา และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซึ่งจะส่งผลให้ประชาคมมีความเป็นเอกภาพ
แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านตามเสียงเรียกร้องของชาวบ้านในพื้นที่ไปแล้วส่วนหนึ่งแต่สิ่งที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือความเป็นเอกภาพและความสงบสุขของคนในพื้นที่ ดังที่เยาวชน คอเต็บ บาบอ รวมทั้งใครต่อใครในหมู่บ้านที่ได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าดีใจมากที่ได้กลับไปใช้ชื่อหมู่บ้านเดิมดังที่บรรพบุรุษตั้งไว้ และนี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนอย่างแท้จริง
หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา







