ปืนใหญ่ถล่มโคเวนทรี 4-0 ลิ่วเอฟเอคัพ

ปืนใหญ่ถล่มโคเวนทรี 4-0 ลิ่วเอฟเอคัพ

"ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ยิ่งถล่ม "โคเวนทรี" 4-0 เข้ารอบ 5 ฟุตบอลเอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ

"ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ได้ "ลูคัส โพโดลสกี" ยิงคนเดียว 2 ประตูให้ทีมถล่ม "ช้างกระทืบโรง" โคเวนทรี ทีมจากลีกวันเละ 4-0 ทะลุเข้ารอบ 5 ฟุตบอลเอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ ส่วนเกมวันนี้ (26 ม.ค.) "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ปรับทัพเล็กน้อยในการเปิดสแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ "ช่างปั้นหม้อ" สโตค ซิตี แต่ ซามูเอล เอโต กองหน้าฟอร์มแรงยังรับหน้าที่เป็นหัวหอกต่อไป อีกคู่ ฟูแลม บุกไปเยือน "ดาบคู่" เชฟฯ ยูไนเต็ด

ศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 คืนวันที่ 24 ม.ค. "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล เปิดสนามเอมิเรสต์ รับการมาเยือนของ "ช้างกระทืบโรง" โคเวนทรี ทีมจากลีกวัน โดยเกมนี้เจ้าถิ่นยังใช้ผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามราวครึ่งทีม และให้ ลูคัส โพโดลสกี เป็นกองหน้าคู่กับ นิคลาส เบนท์เนอร์

เริ่มเกมได้ 15 นาที อาร์เซนอล ได้ประตูออกนำก่อนเมื่อ เมซุท โอซิล จ่ายทะลุให้ ลูคัส โพโดลสกี หลุดไปยิงเป็น 1-0 จากนั้นนาทีที่ 27 แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ โหม่งเช็ดให้ โพโดลสกี โหม่งระยะเผาขนเป็นประตูที่ 2 ในเกมนี้จบครึ่งแรกเจ้าถิ่นนำ 2-0 ก่อนที่ครึ่งหลัง ช่วงท้ายเกม อาร์เซนอล มาได้ประตูปิดท้ายอีก 2 ประตูจาก 2 ตัวสำรอง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ นาทีที่ 84 และ ซานติ กาซอร์ลา นาทีที่ 89 ทำให้ อาร์เซนอล ชนะขาดลอย 4-0 ผ่านเข้ารอบ 5 ต่อไปอย่างสบาย ๆ

อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือทีมปืนใหญ่ กล่าวว่า ชัยชนะที่งดงามนัดนี้ได้มาจากความยอดเยี่ยมของ ลูคัส โพโดลสกี และ อเล็กซ์ แชมเบอร์เลน โดยทั้งคู่เพิ่งจะฟิตกลับมาจากอาการบาดเจ็บด้วยกัน แต่ โพโดลสกี ได้แสดงให้เห็นถึงความเฉียบคม ขณะที่ แชมเบอร์เลน ก็ทำหน้าที่ได้ดีในฐานะมิดฟิลด์ตัวกลางคู่กับ แจ็ค วิลเชียร์

"โพโดลสกีสามารถทำประตูได้มากมาย และเมื่อคุณมีโอกาสทำประตูแล้วคุณย่อมต้องการเขาเพราะว่าเขาเป็นคนจบสกอร์ที่เฉียบขาด เขายิงได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเขายิงได้แม่นยำมาก เขาทำประตูได้ตั้งแต่เริ่ม เมื่อเขาได้ลงสนามเขาอันตรายตลอดเวลา ส่วน อเล็กซ์ ผมชอบที่เขาเล่นตรงกลางในคืนนี้ โดยเฉพาะเมื่อเราได้บอล เกมรับเขาก็ทำงานอย่างหนัก เขากับแจ็คอยู่ตรงกลาง ในอนาคตพวกเขาอาจจะเป็นคู่หูที่ดีในทีมชาติอังกฤษเช่นเดียวกัน" เวนเกอร์กล่าว

ขณะที่ผลการแข่งขันอีกคู่ในวันเดียวกัน "เจ้าป่า" นอตติงแฮม ฟอเรสต์ เสมอ เปรสตัน 0-0

ศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 วันอาทิตย์ที่ 26 ม.ค. "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี จะเปิดสแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ "ช่างปั้นหม้อ" สโตค ซิตี เวลา 22.30 น. โดย ชูเซ มูรินโญ จะมีการปรับผู้เล่นชุดใหญ่จากเกมที่ชนะ "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากช่วงกลางสัปดาห์หน้ายังต้องการตัวหลักสดๆ ลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีกกับ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม โดยแนวรับ ดาวิด ลุยซ์ มีโอกาสกลับมาเป็นตัวจริง และให้ จอห์น เทอร์รี หรือ แกรี เคฮิลล์ ได้พัก

แดนกลาง เนมันยา มาติช กองกลางตัวใหม่ที่ประเดิมสนามเป็นตัวสำรองไปแล้วมีโอกาสประเดิมสนามเป็นตัวจริงนัดแรก อีกทั้งยังมี แฟรงค์ แลมพาร์ด ฟิตเต็มที่กลับมาเป็นตัวเลือก ขณะที่กองกลางตัวรุก 3 คนที่ใช้ เอดอง อาซาร์ด, วิลเลียน และ ออสการ์ น่าจะมีคนใดคนหนึ่งได้พักไป ส่วนหัวหอก เฟอร์นันโด ตอร์เรส มีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าลงสนามไม่ได้แน่นอน จึงจะเป็น ซามูเอล เอโต ที่เพิ่งทำแฮตทริกในเกมกับแมนฯ ยูไนเต็ด ลงเป็นหัวหอกตัวจริงเหมือนเดิม

ฝั่งสโตค ของกุนซือ มาร์ค ฮิวจ์ส ยังมีปัญหาเรื่องแนวรับเมื่อจะไม่มีทั้ง อัสเมียร์ เบโกวิช นายทวารมือหนึ่ง และโรเบิร์ต ฮูธ ตัวเซ็นเตอร์แบ็กที่มีอาการบาดเจ็บไปพร้อมๆ กัน นอกจากนี้แดนกลางยังไม่มี แมทธิว เอเธอริงตัน กับ แกรี วิลกินสัน ที่ยังไม่ฟิตกลับมาเช่นกัน ทำให้ยังน่าจะใช้ทีมชุดเดียวกับที่ไปแพ้ คริสตัล พาเลซ 0-1 ลงสนามเป็นส่วนใหญ่

แนวรับจะมี ไรอัน ชอว์ครอสส์ กับ มาร์ค วิลสัน ยืนเป็นหลัก และแดนกลาง ชาร์ลี อดัม กับ สตีเฟน เอ็นซองซี จะรับหน้าที่เป็นตัวตัดเกม และเดินเกมรุกทางริมเส้นกับ อุสซามา อัสไซดี กับ เกลน วีแลน ส่วนสองหัวหอกจะเป็น ปีเตอร์ เคราช์ กับ โจนาธาน วอลเตอร์ส

เกมอีกคู่ในเวลา 20.00 น. ฟูแลม ทีมในพรีเมียร์ลีกอีกทีมจะไปเยือน "ดาบคู่" เชฟฯ ยูไนเต็ด ทีมในลีกวัน โดยเจ้าถิ่นฟอร์มช่วงหลังถือว่าย่ำแย่ ต้องลุ้นหนีตกชั้นจากลีกวัน และล่าสุดก็ต้องเสีย ฟลอรองต์ กเวลิเยร์ กองกลางที่ยืมตัวมาจากปอร์ทเวล ที่เจ็บต้องพักตลอดฤดูกาล ขณะที่ทีมเยือนไม่มีปัญหาเรื่องตัวหลักบาดเจ็บหรือติดโทษแบน และเกมนี้จะมี ดิมิทาร์ แบร์บาตอฟ เป็นหัวหอกตัวความหวังเหมือนเดิม