นักวิชาการ มธ. มอง 'หาดใหญ่' ยังแย่ แนะ รัฐบาล เร่งอพยพ-กู้วิกฤติ

นักวิชาการธรรมศาสตร์ มอง น้ำท่วมใต้ หาดใหญ่ วิกฤติ แนะ ส่วนกลางจับมือ อปท. เร่งค้นหาผู้ประสบภัย -ศูนย์บัญชาการฯ ต้องเร่งทำแผนกู้ภัยพิบัติให้เป็นระบบ
รศ. ดร.สามชาย ศรีสันต์ ประธานบริหารหลักสูตรบัณฑิตศึกษา วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวถึงเหตุการณ์ น้ำท่วมหาดใหญ่ จ.สงขลา ว่า ปัญหาหนึ่งที่พบมากในการจัดการภัยพิบัติของประเทศไทยคือการทำงานแบบแยกส่วน ปัจจุบันมีการตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์น้ำท่วม จ.สงขลา มีการกำหนดโครงสร้างการทำงาน และมอบภารกิจให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแผนการทำงาน
ดังนั้น นอกจากภารกิจเร่งด่วนคือการอพยพแล้ว ศูนย์บัญชาการ ควรต้องจัดระบบช่องทางการสื่อสาร และหน่วยงานต่างๆ ที่ให้ดำเนินการควรรายงานข้อมูลและสถานการณ์ให้ความช่วยเหลือต่อศูนย์บัญชาการกลางด้วย เพื่อให้ข้อมูลทั้งหมดถูกนำมาวิเคราะห์ ประมวล และจัดลำดับความเร่งด่วน เพื่อสั่งการโดยส่วนกลางอย่างเป็นเอกภาพ ทั่วถึง ไม่ทับซ้อน ศูนย์บัญชาการ ควรที่จะเร่งจัดระบบการขนส่งและกระจายสินค้าด้านโลจิสติกส์ และต้องมีการลงทะเบียนหน่วยงานที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม เพื่อให้ทราบถึงความเพียงพอของสิ่งของ กำลังคน และความครอบคลุมพื้นที่รับผิดชอบ
“ปัญหาใหญ่ในการเข้าไปให้ความช่วยเหลือในขณะนี้คือ พื้นที่ห่างไกลไม่มีสัญญาณโทรศัพท์และถูกตัดน้ำตัดไฟ ตรงนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ส่วนกลางจะต้องทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งรู้จักพื้นที่ที่ดีที่สุด เพื่อค้นหาผู้ประสบภัยในพื้นที่รับผิดชอบของตนเอง รวมถึงเตรียมความพร้อมและประกาศพื้นที่ศูนย์พักพิงรองรับผู้ประสบภัย ซึ่งอาจใช้บทเรียนจากการตั้งศูนย์พักคอยในช่วงโควิดปี 2563 และศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยน้ำท่วมช่วงปี 2554” รศ. ดร.สามชาย กล่าว
นักวิชาการ มธ. กล่าวต่อว่า สิ่งที่ศูนย์บัญชาการ ควรทำคือการรายงานสถานการณ์ให้ประชาชนทราบผ่านช่องทางต่างๆ เป็นประจำทุกวัน โดยสิ่งที่ควรรายงานคือสถานการณ์น้ำท่วมปัจจุบัน ความต้องการความช่วยเหลือ จำนวนเคสและพื้นที่ซึ่งควรแสดงบนแผนที่ และอัปเดตสถานะการได้รับความช่วยเหลือ รวมไปถึงการนำเสนอแผนการทำงาน และการคาดการณ์สถานการณ์วันถัดไปด้วย
"สำหรับเหตุการณ์ น้ำท่วม จ.สงขลา มองว่า กระทรวงมหาดไทย ต้องจัดให้มีการทำแผนรับมือระดับชุมชนและหมู่บ้านในทุกพื้นที่ที่เคยถูกน้ำท่วม และให้ อปท. จัดทำแผนรับมือในระดับตำบล และเทศบาล และบูรณาการเข้ากับแผนในระดับจังหวัด เตรียมจัดสรรงบประมาณสำหรับการรับมือกับน้ำท่วมให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และรัฐบาลควรจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแล จัดการภัยพิบัติน้ำท่วมโดยเฉพาะ นอกจากนั้นควรมีการจัดหาอุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉินไว้สำหรับทุกๆ พื้นที่ที่มีความเสี่ยงจะถูกน้ำท่วม"รศ. ดร.สามชาย กล่าว
นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวต่อว่าปัญหาน้ำท่วมไม่ใช่ปัญหาแค่เรื่องการจัดการน้ำ แต่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ การใช้ที่ดิน การใช้น้ำ การบริหารระบบชลประทาน ระบบโลจิสติกส์ การจัดระเบียบองค์กรภาคประชาชน การพัฒนาชุมชน การจัดการงานอาสาสมัคร ฯลฯ ฉะนั้นการบรรเทาภัยพิบัติ สาธารณภัย และการบริหารจัดการน้ำจึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการจัดการภัยพิบัติน้ำท่วมเท่านั้น การเตรียมแผนรับมือกับน้ำท่วมจึงไม่ใช่เพียงการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า แต่คือการทำงานเชื่อมร้อยกันในทุกๆ ด้านอย่างเป็นระบบ







