ผบ.ทร.สั่ง ติดตั้งเรือผลักดันน้ำ พื้นที่วิกฤติ บรรเทาความเดือดร้อนประชาชน

ผบ.ทร. สั่ง ติดตั้งเรือผลักดันน้ำ พื้นที่วิกฤติ เร่งระบายน้ำจากพื้นที่ชั้นในออกสู่ทะเล บรรเทาความเดือดร้อนประชาชน
17 พฤศจิกายน 2568 พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะ ผู้อำนวยการ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ พร้อมด้วย พลเรือเอก ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล เสนาธิการทหารเรือ และ เสนาธิการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจผลักดันน้ำ จังหวัดฉะเชิงเทรา บริเวณวัดสุทธาวาส ตำบลคลองหลวงแห่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำเหนือหลากและน้ำท่วมขังเดิมบริเวณพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง และเป็นการเยี่ยมบำรุงขวัญกำลังพล หน่วยเฉพาะกิจเรือผลักดันน้ำ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมทั้งติดตามผลการปฏิบัติงาน รับทราบปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้อง ของกำลังพลที่ไปปฏิบัติหน้าที่
จาก สถานการณ์น้ำท่วม ในหลายพื้นที่ พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนเป็นอย่างยิ่ง และได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจผลักดันน้ำ กองทัพเรือ เร่งดำเนินการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำในพื้นที่วิกฤต เพื่อช่วยระบายน้ำและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ หน่วยเฉพาะกิจผลักดันน้ำ กองทัพเรือ ได้ประสานกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) เพื่อวางแผนการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำตามจุดสำคัญทั่วกรุงเทพมหานครและพื้นที่โดยรอบ รวม 10 จุด โดยกรมอู่ทหารเรือได้จัดส่งชุดสำรวจลงพื้นที่และดำเนินการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำรวม 58 ลำ เพื่อเร่งระบายน้ำจากพื้นที่ชั้นในออกสู่ทะเล โดยเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา หน่วยเฉพาะกิจผลักดันน้ำ กองทัพเรือ ชุดแรก ได้เดินทางถึง วัดสุทธาวาส ตำบล คลองหลวงแพ่ง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยได้เริ่มเดินเครื่องผลักดันน้ำ จำนวน 6 ลำ เพื่อเร่งระบายน้ำในคลองไชยานุชิตลงทะเล โดยมีกำลังพลรวม 13 นาย เข้าปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง คาดว่าจะสามารถช่วยเร่งระบายน้ำได้เพิ่มขึ้นประมาณ ร้อยละ 20–30
โครงการ เรือผลักดันน้ำ กองทัพเรือ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ใช้เป็นแนวทางใน การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำหลากมาตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งแนวความคิดนี้ ปัจจุบันกรมชลประทานได้นำไปดัดแปลงระบบ เพื่อใช้แก้ไขปัญหาระบบน้ำทั่วประเทศ และจากองค์ความรู้ ในการสร้างเรือผลักดันน้ำ ที่คงมีอยู่ทำให้ กองทัพเรือสร้างเรือผลักดันน้ำขึ้นใหม่เพื่อให้ทันต่อการนำไปใช้ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ในปี 2554 เรือผลักดันน้ำนับว่าเป็นประโยชน์ต่อการระบายน้ำเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการระบายน้ำออกสู่ทะเลได้ครั้งละปริมาณมาก อีกทั้งยังสามารถชะล้างไล่ดินเลนที่ตกตะกอนอยู่ก้นแอ่งให้หมดไป ทำให้น้ำไหลได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เป็นแอ่ง เป็นบึงและคอขวด เนื่องจากเป็นที่ลุ่มระบายน้ำออกได้ลำบากและไหลได้ไม่เร็ว
สำหรับเครื่องผลักดันน้ำที่ใช้ในภารกิจนี้ เป็นแบบ Water Jet ซึ่งออกแบบและพัฒนาโดยวิศวกรของกองทัพเรือ สามารถผลักดันน้ำได้สูงสุดถึง 4,362 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มอัตราการระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพในพื้นที่ประสบอุทกภัย
ทั้งนี้ กองทัพเรือ ยังคงเตรียมความพร้อม ทั้งกำลังพล และยุทโธปกรณ์ ที่จะให้การสนับสนุนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างต่อเนื่องโดยสามารถแจ้งขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วนศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ 1696 ตลอด 24 ชั่วโมง







