'อ่างเก็บน้ำห้วยผาก' พระราชดำริ คลายวิกฤติแล้ง เติมน้ำพื้นที่เกษตรกว่า 4,000 ไร่

เพชรบุรีคลายวิกฤติแล้ง 'อ่างเก็บน้ำห้วยผาก' พระราชดำริ หล่อเลี้ยงเกษตรกว่า 4,000 ไร่ องคมนตรีแนะต่อยอด อาสาฝนหลวง เติมน้ำในพื้นที่ รวมกลุ่มสหกรณ์น้ำ แบ่งปันพื้นที่ขาดแคลน
ปัญหาภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ที่เคยทำให้ชาว ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ขาดแคลนน้ำทำการเกษตรมานานหลายปี ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม หลายหน่วยงานร่วมกันสนองพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อประโยชน์สุขอย่างยั่งยืนของประชาชน
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง พร้อมด้วย พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ นายวัชระ หัศภาค ที่ปรึกษาด้านการพัฒนา สำนักงาน กปร. และคณะอนุกรรมการฯ ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยผากอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี
โดยรับฟังสรุปสถานการณ์น้ำ การบริหารจัดการน้ำและการเพิ่มประสิทธิภาพน้ำของโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยผากอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งได้ขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยผาก และก่อสร้างฝายน้ำล้นห้วยสามเขา แห่งที่ 2 เมื่อแล้วเสร็จจะเป็นแหล่งน้ำต้นทุนให้ราษฎร 344 ครัวเรือน 672 คน ช่วยเหลือพื้นที่เกษตรหน้าแล้ง 900 ไร่ และหน้าฝน 4,200 ไร่
จากการลงพื้นที่ครั้งนี้ องคมนตรีได้ให้ข้อเสนอแนวทางต่อยอด ได้แก่ การจัดตั้งอาสาฝนหลวง เพื่อช่วยกันวางแผนจัดทำฝนหลวงแก้ปัญหาฝนทิ้งช่วง เติมน้ำในพื้นที่ต้นน้ำ ส่งเสริมให้เกษตรกรขุดแก้มลิงในแปลงเกษตร เพื่อกักเก็บน้ำเพิ่มในฤดูฝน
รวมถึงการรวมกลุ่มผู้ใช้น้ำในรูปแบบสหกรณ์น้ำ เกิดเป็นภาคีเครือข่าย เพื่อขยายผลแบ่งปันน้ำแก่พื้นที่ใกล้เคียงที่ขาดแคลนน้ำ และพัฒนาการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะกล้วยหอม ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจ เพื่อยกระดับรายได้และสร้างความมั่นคงให้กับราษฎรอย่างยั่งยืน
สำหรับโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยผาก เป็นโครงการในพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อช่วยเหลือราษฎรบริเวณริมห้วยผากในการอุปโภคบริโภคและเพาะปลูก โดยก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2552 อ่างเก็บน้ำห้วยผากมีความจุ 27.50 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ำคิดเป็นร้อยละ 37.35
เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวประสบปัญหาฝนทิ้งช่วงยาวนาน ลำคลองแห้งขอด ปริมาณน้ำมีไม่เพียงพอทำให้พืชผลเสียหาย เกษตรกรต้องอพยพแรงงานออกไปทำงานรับจ้างไกลบ้าน ครอบครัวได้รับผลกระทบ
ต่อมาสำนักงาน กปร. และกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงกำหนดแผนงานโครงการก่อสร้างฝายทดน้ำห้วยสามเขาแห่งที่ 2 และกิจกรรมงานขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยผากไว้ในแผนปี 2568 และได้ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 ทำให้มีปริมาณน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้น
นายพะเยาว์ จันทร์ช่วง ราษฎรบ้านวังข้าวสาร หมู่ 10 ตำบลกลัดหลวง กล่าวว่า การมีน้ำเพียงพอ ช่วยให้เกษตรกรไม่ต้องเริ่มต้นเพาะปลูกใหม่ทุกครั้ง หลังเจอภัยแล้ง ต้นไม้ยืนต้น เช่น ทุเรียน ที่ต้องใช้เวลากว่า 7 ปี จึงให้ผลผลิตไม่ถูกทำลายซ้ำ ๆ จากภัยแล้งอีกต่อไป ผลผลิตยังขายได้ราคาดี ทำให้มีรายได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งรายวัน รายเดือน และรายปี
นายเกียรติ เหลือน้อย ราษฎรบ้านวังข้าวสาร กล่าวว่า เดิมทีต้องใช้รถเข็นบรรทุกน้ำเพื่อมารดต้นทุเรียน แต่ปัจจุบันเมื่อมีฝายเก็บน้ำ สามารถดูแลสวนได้เต็มที่ และยังขยายการปลูกผัก เช่น มะเขือ แตงกวา ถั่วฝักยาว ผลผลิตขายได้กิโลกรัมละ 80–90 บาท มีพ่อค้าเข้ามารับซื้อถึงแปลง
นางสุริยาพร ใจหลัก ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทุกคนลำบากมาก แต่พอมีฝายแล้ว ชาวบ้านมีน้ำใช้ มีงานทำ คนที่มีที่น้อยก็ไปรับจ้างในแปลงใหญ่ ค่าแรงวันละ 300 บาท ถ้าทำเต็มเดือนก็มีรายได้เฉลี่ย 6,000–7,000 บาทต่อเดือน







