'นายกฯ' ขอปวงชนชาวไทย ร่วมถวายกำลังใจ'ในหลวง'และพระบรมวงศานุวงศ์

'นายกฯ' ขอปวงชนชาวไทย ร่วมถวายกำลังใจ'ในหลวง'และพระบรมวงศานุวงศ์

"นายกฯ" ขอปวงชนชาวไทย ถวายอาลัย “พระพันปีหลวง” ด้วยความจงรักภักดี ถวายเป็นกำลังพระทัย แด่ "ในหลวง" และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์

วันที่ 25 ตุลาคม 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาล โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขอปวงชนชาวไทยร่วมแสดงความอาลัย ถวายแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (พระพันปีหลวง) โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ 

และเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ขอเรียนว่า รัฐบาลมิได้มีคำสั่งให้ภาคเอกชน ประชาชน งดจัดกิจกรรมรื่นเริงแต่อย่างใด ซึ่งจะแตกต่างจากภาคราชการ และเป็นเพียงการขอความร่วมมือ ให้ท่านใช้ดุลพินิจพิจารณาการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยความเหมาะสม ตามความจำเป็น รวมถึงปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับประเพณี วัฒนธรรม เพื่อไม่ให้กระทบต่อระบบเศรษฐกิจ และเป็นภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และภาคเอกชน หากต้องยกเลิกกิจกรรมอย่างกะทันหัน 

อย่างไรก็ดี รัฐบาลจะดำเนิน การจัดงานพระบรมศพอย่างสมพระเกียรติสูงสุด และขอปวงชนชาวไทย ร่วมใจแสดงความอาลัย และน้อมรำลึกจิตอันเป็นบุญกุศล ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมทั้งใช้พลังความรัก ความสามัคคี และความจงรักภักดีของพวกเราชาวไทย ถวายเป็นกำลังพระทัย แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ในห้วงเวลาแห่งความโศกเศร้านี้ โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ

“งานกิจกรรมต่างๆ งานบวช งานแต่งงาน งานประเพณีปฏิบัติได้ ไม่ได้มีการห้าม เป็นดุลพินิจตามความเหมาะสม โดยนายกรัฐมนตรีได้รับรายงานจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาว่า ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พร้อมจัดงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยจะมีการประกาศให้ผู้เข้าร่วมงานทราบว่าถึงช่วงเวลาของการถวายความอาลัย และการถวายพระเกียรติก่อนการจัดกิจกรรมต่างๆ” 

ส่วนภารกิจการต่างประเทศมีความสำคัญหลายเรื่อง อาทิ ภาษี การค้า และข้อตกลง ที่จะใช้เวทีอาเซียน เอเปคในการหารือ ซึ่งการประชุมอาเซียน และเอเปคยังได้เชิญผู้นำประเทศคู่เจรจามาร่วมด้วย โดยประเทศไทยเองได้รับการร้องขอการพบหารือผู้นำในแบบทวิภาคีหลายราย ซึ่งล้วนแล้วแต่จะก่อให้เกิดความร่วมมือในด้านต่างๆ ซึ่งจะพยายามบริหารจัดการเวลาให้ดีที่สุด ทั้งนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 พร้อมปฎิบัติหน้าที่แทน ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็จะได้ติดตามงานอย่างใกล้ชิดต่อไปด้วย