แอมเนสตี้ จัดเสวนา บ้านใหม่ใกล้ฉัน สะท้อนเสียงผลกระทบโครงการรัฐ

แอมเนสตี้ จัดเสวนา บ้านใหม่ใกล้ฉัน สะท้อนเสียงผลกระทบโครงการรัฐ

แอมเนสตี้ ร่วมกับเครือข่าย จัดเวทีเสวนา “บ้านใหม่ใกล้ฉัน: เหมืองแร่ ป่าคาร์บอน แลนด์บริดจ์ กับความเสี่ยงการไล่รื้อ” หวังดันเสียงชุมชนที่ได้รับผลกระทบถึงผู้มีอำนาจ

นายศตพัฒน์ ศิลป์สว่าง เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายรณรงค์เชิงนโยบาย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า แอมเนสตี้ ประเทศไทยเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างเสียงของชุมชนที่ได้รับผลกระทบกับเวทีของผู้กำหนดนโยบายการพัฒนาที่มักละเลยชุมชนเจ้าบ้านและขบวนการขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม วงเสวนา "บ้านใหม่ใกล้ฉัน" โดยศตพัฒน์ได้นำเสนอภาพรวมสถานการณ์สิทธิในที่อยู่อาศัย (Right to Adequate Housing) และสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (Economic, Social and Cultural Rights - ESCR) ที่กำลังถูกท้าทายทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองที่มักได้รับผลกระทบเป็นอันดับต้น ๆ ในการพัฒนา

“ทุกวันนี้ โครงการพัฒนาขนาดใหญ่ มักมองข้ามคำถามว่า ใครคือผู้แบกรับต้นทุน และคำตอบก็มักจะเป็นชุมชนที่เปราะบางที่สุด โดยเฉพาะชนเผ่าพื้นเมือง ขณะที่โครงการเหล่านั้นที่ถูกระบุว่าสีเขียว มักพบว่าจะทิ้งร่องรอยของการสูญเสียไว้เบื้องหลัง ขณะที่สิทธิของผู้ได้รับผลกระทบมักถูกเพิกเฉย ทั้งนี้การสูญเสียบ้านไม่ใช่แค่การถูกไล่รื้อทางกายภาพ แต่คือการสูญเสียวิถีชีวิต รากเหล้าทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาและตัวตนที่สืบทอดกันมา นี่คือสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ทำให้คนสามารถใช้ชีวิตอย่างมั่นคงและมีศักดิ์ศรี” นายศตพัฒน์กล่าว

นายศตพัฒน์กล่าวต่อว่า ในประเทศไทย ข้อมูลจากแอมเนสตี้สะท้อนให้เห็นว่า สิทธิในที่อยู่อาศัยและสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกในการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและชุมนุมประท้วงมากที่สุดในไตรมาส 2 หรือ เดือน เม.ย.  – มิ.ย.  2568 โดยพบว่าชุมชนจำนวนมากยังต้องเผชิญผลกระทบจากโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ เช่น  แลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีชุมชนชายขอบอาศัยอยู่ เช่น ชาวกะเหรี่ยงในแม่ฮ่องสอน หรือชาวมอแกนบนเกาะพยาม จ.ระนอง ซึ่งหลายโครงการส่งผลกระทบโดยตรงต่อแหล่งน้ำ พื้นที่ทำกิน และระบบนิเวศที่ชุมชนพึ่งพิงในการดำรงชีวิต”

แอมเนสตี้ จัดเสวนา บ้านใหม่ใกล้ฉัน สะท้อนเสียงผลกระทบโครงการรัฐ

“เราต้องยืนยันร่วมกันกับชุมชนและขบวนการภาคประชาชนว่า สิทธิในที่อยู่อาศัยที่เพียงพอคือสิทธิมนุษยชนที่ไม่อาจละเลยได้ การพัฒนาและการอนุรักษ์ใดๆ ไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือในการละเมิดสิทธิมนุษยชน และขอเชิญชวนให้สังคมช่วยกันขยายเสียงของชุมชนที่ถูกลืมให้ดังขึ้นและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ที่คิดถึงสิทธิชุมชน สิ่งแวดล้อม และที่อยู่อาศัยของผู้คน” นายศตพัฒน์กล่าว

แอมเนสตี้ ประเทศไทยเน้นย้ำว่า การพัฒนาเช่นนี้หากขาดมิติด้านสิทธิมนุษยชนและการมีส่วนร่วมของชุมชน อาจกลายเป็น การไล่รื้อเชิงโครงสร้างที่ซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะกับกลุ่มเปราะบางเช่น กลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองและชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทั้งนี้ ภายในงาน Bangkok Climate Action Week 2025 มีเวทีสวนา มีการจัดกิจกรรมวงคุยและ Take Action4 ช่วงสำคัญ ได้แก่

1. บ้านที่กำลังจะหายไป เพราะบ้านไม่ใช่แค่ที่พักอาศัย แต่คือที่ดินทำกิน แหล่งอาหาร และชีวิตทั้งชีวิตของชุมชน โดยเฉพาะชนเผ่าพื้นเมืองที่ต้องแบกรับความเปราะบางซ้ำซ้อนจากโครงการของรัฐ

2. เปิดห้องพิจารณา เวทีชำแหละกฎหมายไทยที่ยังทำงานเสมือน “ตรายาง” เพื่อเทียบกับหลักสากลที่ไทยเคยให้คำมั่นไว้ในระดับนานาชาติ

3.เสียงจากแผ่นดิน ฟังเสียงจากเจ้าของเรื่องจริงที่เกี่ยวกับป่า ทะเล และผืนดินที่อาจถูกเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

แอมเนสตี้ จัดเสวนา บ้านใหม่ใกล้ฉัน สะท้อนเสียงผลกระทบโครงการรัฐ

4. จากเสียง…สู่พลัง สรุปข้อเสนอร่วม และทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ Take Action ช่วยกันยืนยันว่า การพัฒนาที่แท้จริงต้องคำนึงถึงสิทธิในที่อยู่อาศัยและสิทธิมนุษยชนของผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม

 “เราไม่ได้ปฏิเสธการพัฒนา แต่การพัฒนาที่แท้จริงต้องเคารพสิทธิของผู้คน ฟังเสียงจากพื้นที่ และที่สำคัญ ไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง” นายศตพัฒน์กล่าวทิ้งท้าย