กสทช. คาดการณ์สิ้นปี 68 ไทยต้องการปริมาณคลื่นความถี่ 615 MHz

กสทช. คาดการณ์สิ้นปี 68 ไทยต้องการปริมาณคลื่น 615 MHz เพื่อรองรับบริการโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ต ชี้อีก 2 ปี ต้องเปิดประมูลคลื่นที่สิ้นสุดการใช้งาน ให้เพียงพอต่อความต้องการของปชช.
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตและความต้องการคลื่นความถี่ของประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าสิ้นปี 2568 ปริมาณความต้องการใช้คลื่นความถี่เพื่อรองรับบริการโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่จะสูงถึง 615 MHz
กสทช. ระบุอีกว่า หากที่ผ่านมา ยังไม่มีการจัดสรรคลื่นเพิ่มเติม ไทยจะมีคลื่นความถี่สำหรับบริการโทรศัพท์มือถือเพียง 500 MHz เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าความต้องการจริงกว่า 100 เมกะเฮิรตซ์ สถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่เสถียร ความเร็วอินเทอร์เน็ตลดลง การสตรีมภาพยนตร์ หรือเล่นเกมออนไลน์ เกิดอาการสะดุดได้
อย่างไรก็ตาม สำนักงาน กสทช. ได้จัดทำข้อมูลปริมาณความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยพบว่า คนไทยมีปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงขึ้น จาก 25.45 GB ในปี 2565 เพิ่มเป็น 27.20 GB ในปี 2568 และได้ประเมินความต้องการใช้คลื่นความถี่จาก 539 MHz ในปี 2567 เพิ่มเป็น 615 MHz ในปี 2568 ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณคลื่นความถี่รองรับการใช้งานอยู่ที่ 620 MHz แต่หากที่ผ่านมา เมื่อคลื่นความถี่เก่าหมดอายุใบอนุญาตลง และไม่มีการประมูลคลื่นความถี่เกิดขึ้น ปริมาณคลื่นความถี่ของไทยจะเหลือเพียง 500 MHz ซึ่งการประมูลที่ผ่านมา ทำให้ไทยมีปริมาณคลื่นความถี่กลับมาอยู่ที่ 620 MHz
ทั้งนี้ หากปริมาณคลื่นความถี่ไม่เพียงพอจะกระทบต่อคุณภาพเครือข่าย ทั้งการโทรเข้าโทรออก การใช้งานวิดีโอคอล การเล่นเกมออนไลน์ ไปจนถึงการรับชมคอนเทนต์ออนไลน์ โดยเฉพาะในช่วงที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น
ที่ผ่านมา กสทช.ได้จัดประมูลคลื่นหลายช่วงเพื่อเพิ่มศักยภาพเครือข่ายของผู้ให้บริการมือถือ ช่วยให้การกระจายปริมาณข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความเสี่ยงของปัญหาสัญญาณติดขัด ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญรองรับพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
กสทช.ระบุเพิ่มเติมว่า กสทช.ไม่ได้หยุดยั้งการบริหารจัดการคลื่นความถี่ให้เกิดประสิทธิภาพ ในอีก 2 ปีข้างหน้าจะต้องมีการเปิดประมูลคลื่นความถี่ที่สิ้นสุดการใช้งาน เพื่อเพิ่มปริมาณคลื่นความถี่ให้เพียงพอ และสอดคล้องกับความต้องการใช้งานของประชาชนทั่วประเทศ





