กยท.หนุนเกษตรกรปลูกยางทดแทน เร่งจ่ายกว่า 2,800 ล้าน ภายใน ก.ย.

กยท.แก้ไขกฎเกณฑ์ ส่งเสริม สนับสนุน เกษตรกรสวนยาง ปลูกยางพาราใหม่ ทดแทนต้นยางเก่า อัตราไร่ละ 16,000 บาท ตั้งเป้าจ่ายจบภายใน ก.ย.นี้ งบฯ 2,800 ล้าน
นายเพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย(กยท.)เปิดเผยว่า กยท.ได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎเกณฑ์การจ่ายเงินในการส่งเสริมและสนับสนุน ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง ในการปลูกยางพาราใหม่ ทดแทนยางพาราที่มีอายุมาก ตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย มาตรา 49(2) ให้มีความรวดเร็ว สามารถจ่ายเงินให้เกษตรกรได้ทันทีที่เกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับอนุมัติจาก กยท.ให้โค่นยางและปลูกแทน
จากเดิมที่เกษตรกรต้องยื่นแบบขอโค่น และปลูกแทน ด้วยทุนตนเองก่อนได้รับอนุมัติ(แบบ กยท.4) ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายสำหรับการโค่น และปลูกต้นยางใหม่ รวมทั้งยังจะช่วยให้เกษตรกรชาวสวนยางมีเงินทุนหมุนเวียนนำไปบริหารจัดการสวนยางอีกด้วย
ทั้งนี้ 2-3 ปีที่ผ่านมา เกษตรกรที่ขอโค่นและปลูกแทนด้วยทุนตนเองก่อน ยังไม่ได้รับเงินชดเชย ทำให้เกษตรกรส่วนหนึ่งต้องกู้เงินมาใช้ในการโค่นและปลูกทดแทน สร้างภาระหนี้สินโดยไม่จำเป็น ทั้งที่เงินดังกล่าว เป็นเงินที่จะต้องจ่ายให้เกษตรกรตาม พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย มาตรา 49(2) ที่กำหนดให้นำรายได้จากเงินค่าธรรมเนียมส่งออกยาง (CESS) ไม่เกินร้อยละ 40 มาสนับสนุนส่งเสริมการปลูกยางพาราใหม่ ทดแทนยางพาราที่มีอายุมากอยู่แล้ว
“เมื่อผมเข้ามาบริหาร กยท. ตั้งแต่เป็นประธานบอร์ด กยท. จนมาดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการแทนผู้ว่าการ กยท.ในปัจจุบัน ได้ดำเนินแก้ปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องจนประสบผลสำเร็จ พร้อมทั้งยังได้ปรับการทำงานทั้งหมดให้มีความรวดเร็ว”
“หลังจากนี้เป็นต้นไป เกษตรกรชาวสวนยางที่ยื่นขอโค่นและปลูกแทน หากมีคุณสมบัติ และหลักเกณฑ์ตรงตามที่ กยท.กำหนด จะได้รับเงินสนับสนุนส่งเสริมการปลูกยางพาราใหม่ทดแทนยางพาราที่มีอายุมากตามมาตรา มาตรา 49(2) ทันที ในอัตราไร่ละ 16,000 บาท จะไม่ให้เกษตรกรโค่นและปลูกแทนด้วยทุนของตนเองก่อนอีกต่อไป เพื่อลดภาระ ไม่ซ้ำเติมเกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรกรที่ต้องกู้เงินมาลงทุนในการโค่นและปลูกใหม่ ที่จะต้องเสียดอกเบี้ยโดยใช่เหตุ” รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท.กล่าวและว่า
ส่วนเกษตรกรชาวสวนยาง ที่ยื่นขอโค่นและปลูกแทนด้วยทุนตนเองก่อนได้รับอนุมัติ (แบบ กยท. 4) ไว้แล้ว มีทั้งหมด 36,283 ราย คิดเป็นพื้นที่รวม 346,685.90 ไร่ ขณะนี้ กยท.ได้อนุมัติงบประมาณปี 2568 จากกองทุนพัฒนายางพารา ตามมาตรา 49(2) วงเงินรวมกว่า 2,860 ล้านบาท เพื่อจ่ายให้เกษตรกรชาวสวนยางที่ยื่นขอโค่น และปลูกแทนด้วยทุนตนเอง ในอัตราไร่ละ 16,000 บาทดังกล่าวแล้ว
โดยเกษตรกรสามารถติดต่อขอรับเงินสนับสนุนได้ที่ กยท.จังหวัด/สาขา ในพื้นที่ใกล้บ้าน ทั้งนี้ กยท. คาดว่า จะสามารถจ่ายเงินให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือนกันยายน 2568 นี้อย่างแน่นอน
สำหรับเกษตรกรชาวสวนยางที่จะขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนในการปลูกแทน จะต้องมีคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ตามที่ กยท.กำหนดไว้ คือ จะต้องเป็นเกษตรผู้ขึ้นทะเบียนไว้กับ กยท.ในฐานะเป็นเจ้าของสวนยาง มีสวนยางไม่น้อยกว่า 2 ไร่ แต่ละไร่จะต้องปลูกต้นยางไม่น้อยกว่า 10 ต้น โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่าไร่ละ 25 ต้น และเป็นต้นยางอายุกว่า 25 ปี ขึ้นไป หรือต้นยางทรุดโทรมเสียหาย หรือต้นยางได้ผลน้อย ตามหลักเกณฑ์ที่ กยท.กำหนด
นอกจากนี้ จะต้องไม่เป็นที่ดินหวงห้ามของทางราชการ หรืออยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรือเขตอุทยานแห่งชาติ หรือป่าที่ ตามมติคณะรัฐมนตรีกำหนดไว้ให้เป็นป่าถาวร อันเป็นสมบัติของชาติ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากหน่วยราชการผู้รับผิดชอบ ให้เป็นผู้มีสิทธิทำกิน หรือได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นการชั่วคราว เพื่อการทำสวนยาง
ทั้งนี้เกษตรกรที่มีคุณสมบัติ และผ่านหลักเกณฑ์ที่ กยท.กำหนด สามารถยื่นแบบขอรับการส่งเสริม และสนับสนุนการโค่นและปลูกแทนได้ที่ กยท.จังหวัด/สาขา ในพื้นที่ใกล้บ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ กยท.จะสำรวจ รังวัดที่ดินทันทีที่ กยท.อนุมัติคำขอแล้ว โดยจะแจ้งผลให้เกษตรกรเจ้าของสวนยางทราบ พร้อมทั้งนัดเกษตรกรเจ้าของสวนยางประชุมชี้แจงขั้นตอนการปลูกแทน ทำสัญญา และรับหนังสือประจำตัวผู้ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทน
โดยจะได้รับการส่งเสริมและสนับสนุน ให้มีการปลูกแทนไร่ละ 16,000 บาท ซึ่งเกษตรกรสามารถเลือกรูปแบบการปลูกแทนได้ 3 แบบ คือ แบบแรก ปลูกแทนด้วยยางพันธุ์ดี แบบที่ 2 ปลูกแทนด้วยไม้ยืนต้น ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และแบบที่ 3 ปลูกแทนแบบสวนยางยั่งยืน ซึ่งจะเป็นการปลูกยางผสมผสาน ร่วมกับกิจกรรมอื่น







