ภัยบุหรี่ สร้างความสูญเสีย 2 ทาง มูลค่าทางเศรษฐกิจ 9.6 หมื่นล้าน

นักวิชาการ ชี้ภัยบุหรี่สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจถึง 9.6 หมื่นล้าน ทั้งต้นทุนรักษา เสียโอกาส ห่วงวัยรุ่น “นักสูบบุหรี่ไฟฟ้าหน้าใหม่” สูบบุหรี่มวนเพิ่ม 3.5 เท่า
ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่าย จัดงานประชุมวิชาการ “บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ” ครั้งที่ 23 ในโอกาสครบรอบ 20 ปี ศจย. ภายใต้หัวข้อ “รวมพลังกระชากหน้ากากธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า : คนรุ่นใหม่รู้เท่าทันกลยุทธ์” ณ โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์
ทั้งนี้ ภายในงาน ได้มีการเสวนาเรื่อง “ภาษีกับความสูญเสียทางเศรษฐศาสตร์จากยาสูบ” โดยมีวิทยากร ประกอบด้วย รศ.ดร.ธัชนันท์ โกมลไพศาล รองคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.ดร.ภญ.มนทรัตม์ ถาวรเจริญทรัพย์ อาจารย์ประจำภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นายรักษพล สนิทยา ผู้แทนจากมูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาวะระหว่างประเทศ
รศ.ดร.ธัชนันท์ ระบุว่า จากการศึกษาตีมูลค่าทางเศรษฐกิจเพื่อดูว่า คนเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ทำให้ประเทศเสียมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์เท่าไหร่ พบว่า ผลจากการสูบบุหรี่ทำให้เกิดการสูญเสียรายได้ของประเทศ 2 ทาง คือ ต้นทุนทางตรง จากค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในและนอก และต้นทุนค่าเสียโอกาสการทำงานและหารายได้จากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรไป 20 ปี เช่น เสียชีวิต 40 ปี ก่อนค่าเฉลี่ยอายุ 70 ปี
โดยถ้าคิดมูลค่าต้นทุนการสูญเสียทางเศรษฐกิจ รวมผู้สูบตรงและควันบุหรี่มือสอง พบว่า ในปี 2560 มีมูลค่าถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 96,000 ล้านบาท ถ้าคิดอัตราแลกเปลี่ยนที่ 32 บาท/ดอลลาร์) หรือถ้าคิดเป็น 1%ของจีดีพีไทย และหากแยกเป็นต้นทุนค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยได้รับควันบุหรี่มือสองราว 17% ของมูลค่ารวม (ราว 16,320 ล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการสูบบุหรี่ไม่ใช่แค่ผู้ชาย แต่ผู้หญิงก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยเฉพาะจากบุหรี่มือ 2 หรือควันบุหรี่ แม้ว่าผู้หญิงไม่ได้สูบตรงแต่อาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับผู้สูบ พบว่า ผู้หญิงได้รับผลกระทบจากบุหรี่มือ 2 มากกว่าชายถึง 83% หรือ คิดเป็นต้นทุน 19.73 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 630 ล้านบาท) ขณะที่ผู้ชายได้รับควันบุหรี่มือสองเพียง 3.93 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (125 ล้านบาท) หรือ 16.61%
ถ้าเทียบต้นทุนรวมของไทยกับกับประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย เช่น เวียดนาม จีน จะมีอัตราการสูบบุหรี่ชายและหญิงไม่ต่างกันมากทำให้ต้นทุนไม่ต่างกัน ขณะที่ไทยผู้ชายสูบบุหรี่มากกว่าผู้หญิงเท่าตัว จึงทำให้ต้นทุนชายมากกว่า เพราะอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของชายไทยมากกว่า
ส่วนเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ รศ.ดร.ธัชนันท์ มองว่า แม้การขึ้นภาษีจะช่วยลดคนสูบและลดค่าใช้จ่ายการรักษาสุขภาพ แต่ต้องระวังผลกระทบตลาดอื่นๆ ด้วย โดยก่อนที่จะดำเนินการภาครัฐต้องศึกษาให้รอบคอบว่าจะส่งผลต่ออุตสาหกรรมใดบ้าง
ด้าน รศ.ดร.ภญ.มนทรัตม์ กล่าวถึงผลงานวิจัยประเมินต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ของบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยของเยาวชนที่ไม่เคยสูบบุหรี่ และเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่อายุ 15 ปี พบว่า เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะในเพศชาย ผู้ไม่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีต้นทุน 1.09 ล้านบาท ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีต้นทุน 3.7 ล้านบาท ซึ่งมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นถึง 2.6 ล้านบาท และยังมีความเสี่ยงเป็นผู้สูบบุหรี่ธรรมดาในอนาคตเพิ่มขึ้น 3.5 เท่าของผู้ไม่สูบบุหรี่ไฟฟ้า อีกทั้งความเสี่ยงเกิดโรคต่างๆ
ขณะที่เพศหญิง แม้ว่ามีต้นทุนทางเศรษฐกิจต่ำกว่าเพศชาย แต่ในแง่สุขภาพก็มีความสูญเสียหายไม่ต่างกัน หากสูบต่อในบุหรี่ธรรมดา
ดังนั้น มาตรการ และนโยบายป้องกันไม่ให้เกิดนักสูบบุหรี่ไฟฟ้าหน้าใหม่ที่เป็นวัยรุ่น จึงมีความสำคัญ และช่วยลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยรวมเป็นอย่างมาก รวมถึงในอนาคตจำเป็นต้องมีข้อมูลผลกระทบทางสุขภาพในระยะยาวจากบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อประเมินต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ได้ถูกต้อง
“มาตรการลดการสูบบุหรี่ ไม่ใช่มีแค่มาตรการขึ้นภาษีเท่านั้น แต่อยากให้มีมาตรการทางกฎหมาย การช่วยให้ประชาชนรู้เท่าทันเทคนิคการดึงเด็กเข้ามาสูบ เช่น การโฆษณา แพคเกจจิ้ง เพื่อเด็กจะได้ไม่ถูกมอมเมาจากการรู้ไม่เท่าทันธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า” รศ.ดร.ภญ.มนทรัตม์ กล่าว
ด้านนายรักษพล กล่าวว่า การสูบบุหรี่ เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดการตายก่อนวัยอันควรและเจ็บป่วยของคนไทยเป็นอันดับ 2 หรือคิดเป็น 15% ของการตายทั้งหมด และส่วนใหญ่เป็นผู้ชายที่ตายจากการสูบบุหรี่มากกว่าผู้หญิง
โดยผลกระทบจากการใช้บุหรี่ในปี 2562 พบว่า ในจำนวนประชากรไทยที่เสียชีวิต 5 แสนคน แยกเป็นชายไทย 3 แสนคนและเป็นการเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่จำนวน 102,500 คน คิดเป็น 20.5%
ส่วนผู้หญิงไทยเสียชีวิตจากบุหรี่และยาสูบ ราว 8% ของผู้หญิงที่เสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งสาเหตุของการตายของชายและหญิงไทยที่มีอายุระหว่าง 45-69 ปี เกิดจากเป็นมะเร็งจากการสูบบุหรี่ บุหรี่มือสองและการใช้บุหรี่เคี้ยว ขณะที่ของผู้หญิงที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่ได้สูบบุหรี่เอง แต่ได้รับกระทบจากบุหรี่มือสอง หรือควันบุหรี่จากคนในครอบครัว
“ภาระโรคจากบุหรี่และยาสูบ ทั้งการตายก่อนวัยอันควรและการเจ็บป่วยตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา มีแนวโน้มการเสียชีวิตของผู้ชายมากขึ้น ขณะที่ผู้หญิงยังทรงตัว ฉะนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งควบคุมตั้งแต่ตอนนี้ เพราะการตายไม่ใช่แค่คนสูบ แต่บุหรี่มือสองหรือควันบุหรี่มีผลกระทบถึงผู้หญิงและเด็กด้วย” นายรักษพล กล่าว







