สถาบัน KAPI ม.เกษตรฯ จับมือ บ.เค-เอพีไอ เปิดหลักสูตร “ TEBC 2025”

สถาบัน KAPI ม.เกษตรฯ จับมือ บ.เค-เอพีไอ เปิดหลักสูตร “ TEBC 2025”

สถาบัน KAPI - ม.เกษตร ร่วมกับบริษัท เค-เอพีไอ จัดอบรมหลักสูตร  “ TEBC 2025”สร้างผู้ประกอบด้านนวัตกรรมสมุนไพรเพื่อสุขภาพและเครื่องสําอาง

ดร.พิลาณี ไวถนอมสัตย์  ผู้อำนวยการสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร (KAPI) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า “การสกัดสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ  จากของเหลือทิ้งทางการเกษตร พวกเมล็ด หรือเปลือกผลไม้ เป็นใน 1 ในภารกิจหลักของสถาบัน KAPI ที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2534 เพื่อเพิ่มมูลค่าของเหลือทิ้งทางการเกษตร และอุตสาหกรรมเกษตร ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้จากการวิจัยและพัฒนาในด้านดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทำให้สถาบันฯ มีจุดเด่นอยู่ที่การวิเคราะห์ ทดสอบหรือวิจัยแบบครบวงจร ตั้งแต่การควบคุมวัตถุดิบต้นน้ำ แม้ว่าจะมาจากของเหลือทิ้งก็จำเป็นต้องรู้วิธีจัดเก็บให้ยังคงมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ มีวิธีการสกัดทั้งในระดับห้องปฏิบัติการขนาดเล็กเพื่อทดสอบแนวคิด  และต่อยอดศึกษาในระดับโรงงานกึ่งต้นแบบ หรือกึ่งอุตสาหกรรม เพื่อประเมินค่าความเป็นไปได้หรือศักยภาพเชิงพาณิชย์  ซึ่งสถาบันมีร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการสร้างเครือข่ายเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่ผู้ประอบการ”

สถาบัน KAPI ม.เกษตรฯ จับมือ บ.เค-เอพีไอ เปิดหลักสูตร “ TEBC 2025”
ดร.พิลาณี กล่าวว่า “เนื่องจากสถาบันฯ มีการพัฒนาองค์ความรู้และสร้างเป็นนวัตกรรมได้ส่วนหนึ่ง  แต่มีอีกส่วนหนึ่งที่สถาบันฯ ต้องการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ผู้ประกอบการและประชาชนที่สนใจ แต่ยังไม่มั่นใจว่าสิ่งที่คิดจะสามารถทำให้เป็นจริงได้ หรือมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนในเชิงของการปฏิบัติจริง จึงเป็นที่มาของหลักสูตรอบรมต่างๆ
ล่าสุด สถาบันฯ ร่วมกับบริษัท เค-เอพีไอจำกัด จะจัดการอบรม “หลักสูตรการสร้างผู้ประกอบด้านนวัตกรรมสมุนไพร เพื่อสุขภาพและเครื่องสําอาง รุ่นที่ 5 “(Thailand Entrepreneur in Bio Cosmetic 2025: TEBC 2025) ขึ้น ระหว่างวันที่ 23 สิงหาคม - 14 กันยายน 2568 (อบรมเฉพาะเสาร์-อาทิตย์) เพื่อเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้และการปฏิบัติการสำหรับผู้ประกอบการนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงผู้สนใจที่อาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองจะทำธุรกิจอะไร หรือรู้แล้ว แต่ต้องการต่อยอดธุรกิจ ซึ่งหลักสูตรจะเน้นที่การใช้งานวิจัยและเทคโนโลยีต่างๆ  และสร้างความเข้าใจในด้านการตลาดให้กับผู้ที่มารับการอบรม 

 




 “จากจุดเริ่มต้นผลงานการสกัดสารสำคัญ ในเปลือกมังคุดที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ เมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา พัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์เจลแต้มสิวจากเปลือกมังคุดตัวแรก ในยุคที่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากสารสกัด ธรรมชาติ กำลังได้รับความนิยม สถาบันมีการพัฒนาองค์ความรู้ด้านสารสกัดจากของเหลือทิ้งทางการเกษตรอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีสารสกัดที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาพร้อมให้ผู้ประกอบการนำไปต่อยอดเชิงพาณิชย์แล้วมากกว่า 50 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อ หรือว่าเป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง และในขณะนี้กำลังศึกษาสารที่ช่วยต้านการอักเสบของเซลล์ในระดับต่าง ๆ ซึ่งอาจมีฤทธิ์ในการป้องกันหรือยับยั้งการก่อเซลล์มะเร็งในตำแหน่งต่างๆ ได้”

ดร.พิลาณี กล่าวอีกว่า “สถาบันฯ มีการสร้างเครือข่ายครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำจนกระทั่งสู่เชิงพาณิชย์  และได้รวบรวมองค์ความรู้ทุกอย่างที่สะสมมากว่า 10 ปี เข้ามาอยู่ในหลักสูตรนี้ ผู้ประกอบการจะเข้าใจถึงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม รู้ถึงเทรนด์ปัจจุบันว่า มีการใช้งานวิจัยหรือนวัตกรรมใดในการประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ให้ความรู้ด้านมาตรฐานต่างๆ ที่ผู้ประกอบการต้องมีก่อนที่จะส่งต่อไปยังผู้บริโภคและการต่อยอดเชิงธุรกิจที่ทุกสิ่งทุกอย่าง จะจบลงด้วยความคุ้มทุนในหลักสูตร โดยจะมีนักวิจัยจากสถาบันฯ ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจความงาม แห่งวงการเครื่องสำอางมาให้ความรู้ทางด้านการสร้างแบรนด์ การสร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น การจัดการทางบัญชีและโครงสร้างธุรกิจ เพื่อให้เกิดความเป็นไปได้ในเชิงธุรกิจที่เป็นระยะยาว หลักสูตรนี้นอกจากจะสอนโดยการบรรยายและทำเวิร์กชอปแล้ว ยังได้เข้าร่วมกิจกรรม Networking  ลงพื้นที่ดูงานสถานที่จริง และการ Pitching ผลงาน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจอีกด้วย ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับประกาศนียบัตรรับรองจาก สถาบันผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (KAPI) และ บริษัท เค-เอพีไอ จำกัด (K-API)”

สถาบัน KAPI ม.เกษตรฯ จับมือ บ.เค-เอพีไอ เปิดหลักสูตร “ TEBC 2025”
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมความงามและสุขภาพ ผู้อำนวยการสถาบัน KAPI บอกว่า เป็นอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็วมากและมีการแข่งขันสูง ปัจจุบันผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น ผู้ผลิตสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจะค่อยๆ หายไปจากการคัดเลือกของผู้บริโภค ซึ่งราคาอาจไม่ใช่ทางเลือกแรก    แต่เป็นการมองหาคุณภาพที่เกิดขึ้นจริง ขณะเดียวกันทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมในด้านนี้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีการผสมสารสกัด การนำเข้าผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ ผู้ประกอบการควรจะมีความรู้ในการสอบทวน หรือทดสอบสารออกฤทธิ์ในผลิตภัณฑ์ด้วยว่า ยังคงมีฤทธิ์ตามที่ระบุหรือไม่ นอกจากนี้เทรนของผลิตภัณฑ์เหล่านี้เปลี่ยนไวมาก โดยผลิตภัณฑ์มีวงจรชีวิต แค่ประมาณ 6 เดือน ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวและวางแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ทัน รวมถึงต้องอัปเดตแนวโน้มที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ


ด้านนายวุฒิพงษ์ ผาณิตเศรษฐกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีไอบีดี จำกัด ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เค-เอพีไอ จำกัด เปิดเผยว่า “การอบรมหลักสูตร TEBC 2025 จัดขึ้นเป็นรุ่นที่ 5ซึ่งรุ่นแรกเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นการทำงานร่วมกัน ระหว่าง บ. ทีไอบีดี กับสถาบัน KAPI และมีความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง จนปลายปี 2567 ม.เกษตรมีนโยบายผลักดันการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย และได้จัดตั้ง “บริษัท เค-เอพีไอ จำกัด” ขึ้น โดยเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท เคยูนิเวิร์ส จำกัด บริษัทในเครือของ ม.เกษตรศาสตร์ และบริษัท ทรัพย์ ไบโอเทค จำกัด บริษัทในเครือ ทีไอบีดีโดยมีภารกิจหลักคือ การรับถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสารออกฤทธิ์ทางธรรมชาติ เพื่อไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ และมุ่งเป้าสู่การเป็น “ผู้ผลิตสาระสำคัญมูลค่าสูงเข้าสู่อุตสาหกรรม” ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และรวมถึงกลุ่มที่เป็นยาสมุนไพรในอนาคต  โดยปัญหาในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม ในปัจจุบันคือ โรงงานรับจ้างผลิต หรือOEM เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ด้วยการลงทุนที่ไม่สูงมาก ทำให้ทุกคนสามารถออกแบรนด์สินค้าได้อย่างรวดเร็ว  เกิดการแข่งขันสูง สินค้าล้นตลาดและเป็นสินค้าที่มีแนวคิดเหมือนๆ กัน จากคำแนะนำของโรงงานผลิต   ซึ่งถือว่าเป็นการหลงทางของผู้ที่กระโดดเข้าสู่วงการนี้ดังนั้น ความเข้าใจในเรื่องของธุรกิจความงามและสุขภาพ จึงมีความจำเป็นอย่างมาก ตนจึงตัดสินใจจะผลักดัน เรื่องการทำหลักสูตรนี้ขึ้นมา เพื่อคนที่ไม่เคยเข้าใจเรื่องนี้มาก่อน ควรปูพื้นฐานให้รู้ว่า การทำธุรกิจเครื่องสำอางไม่ใช่แค่ซื้อมาขาย แต่มีกระบวนการของการพัฒนาตั้งแต่กระบวนการสกัด  Active  Ingredientการคำนวณต้นทุน การทำโครงสร้างราคา การวางโครงสร้างของตัวธุรกิจ เข้าใจวิธีการทำแบรนด์ หรือช่องทางการจัดจำหน่าย และควรจะรู้ว่า นักวิจัย หรือคนที่เขาจะมาช่วยสนับสนุนให้แบรนด์ของคุณมีความแข็งแรง คุณควรจะติดต่อและเชื่อมโยงกับเขาอย่างไร

“สำหรับเทรนด์ Active Ingredient ในอนาคตที่กำลังมา คุณวุฒิพงษ์ บอกว่า จะเป็นเรื่องของClean Beauty ความปลอดภัย ลดการใช้สารเคมีอันตราย Green Beauty เทคโนโลยีสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบันมี COSMOSเป็นมาตรฐานด้านออแกนิกระดับสากล และLongevity Cosmeceuticals หรือการมุ่งสู่การทำเวชสำอางชะลอวัย ซึ่งหากเข้ามาในหลักสูตรดังกล่าว จะสอนถึงวิธีการที่จะเรียนรู้เรื่องเหล่านี้  สามารถเข้าใจกระบวนการ มีภูมิคุ้มกันและมีวิธีคิดแบบที่ยั่งยืนมากขึ้น”   วุฒิพงษ์กล่าว


ผู้สนใจเข้าร่วมอบรม “หลักสูตรสตาร์ทอัพเพื่อนวัตกรรมธุรกิจความงาม” TEBC SEASON 5 สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ - 20 สิงหาคม 2568  สอบถามรายละเอียดได้ที่ 062 494 1516