'เขื่อนสิริกิติ์' ปรับเพิ่มการระบายน้ำ ไม่กระทบลุ่มเจ้าพระยา

รองนายกฯ "ประเสริฐ" ยืนยันการปรับเพิ่มการระบายน้ำ "เขื่อนสิริกิติ์" ไม่ส่งผลกระทบต่อลุ่มน้ำเจ้าพระยา พร้อมให้รัฐบาลติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
วันนี้ (5 ส.ค. 68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยว่า เขื่อนสิริกิติ์ จะทยอยเพิ่มการระบายน้ำเพื่อพร่องน้ำเตรียมรับมือฝนตกหนักที่คาดว่าจะมาถึงในช่วงหลังกลางเดือนสิงหาคม แต่ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบให้ระดับน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยาสูงขึ้น และประชาชนท้ายเขื่อนยังคงปลอดภัย
จากการที่ "พายุวิภา" ส่งผลให้มีน้ำไหลเข้าเขื่อนสิริกิติ์จำนวนมาก กฟผ. จึงใช้ช่วงที่ฝนทิ้งช่วงและสถานการณ์น้ำท่วมในลุ่มน้ำยม-น่าน คลี่คลายลงนี้ ทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเดิม 10 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน เป็น 40-45 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน และจะคงอัตราการระบายที่ 50 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน ระหว่างวันที่ 5-15 สิงหาคม เพื่อเตรียมพื้นที่ว่างในเขื่อนไว้รองรับปริมาณน้ำฝนที่จะเข้ามาในอนาคต
นายประเสริฐยังระบุอีกว่า มวลน้ำที่ระบายจากเขื่อนสิริกิติ์จะไม่ทำให้ระดับน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยาสูงขึ้น โดยในวันนี้ (5 สิงหาคม) เขื่อนเจ้าพระยาสามารถลดการระบายน้ำจาก 900 เหลือ 800 ลบ.ม. ต่อวินาที พร้อมกับมีการรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งเพื่อลดผลกระทบด้านท้ายน้ำให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในช่วง 2-3 วันนี้ มีแนวโน้มฝนจะเพิ่มขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และจะกลับมาตกหนักอีกครั้งในช่วงหลังกลางเดือนสิงหาคม จึงขอให้ประชาชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยายกของขึ้นที่สูงไว้ก่อนเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันว่าจะติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดและจะแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารที่สำคัญให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่องผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ "Nation Thai Water" และ LINE "ไทยคู่ฟ้า" โดยพร้อมยืนยันว่าจะดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ในทุกสถานการณ์







