กัมพูชาฉลอง ยูเนสโกขึ้นทะเบียน 'คุกตวลสเลง-ทุ่งสังหาร' เป็นมรดกโลก

นายกฯ ฮุน มาเนต เชิญชวนชาวกัมพูชา ฉลอง ยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียน คุกตวลสเลง-ทุ่งสังหาร เป็นมรดกโลก จารึกประวัติศาสตร์ ย้ำเตือนคนรุ่นหลัง ตระหนักถึงคุณค่าของสันติภาพ และเสรีภาพ
นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต แห่งกัมพูชา ออกแถลงการณ์เชิญชวนให้ประชาชนกัมพูชาทั่วประเทศ ร่วมกัน "ตีกลอง" ในเช้าวันที่ 13 ก.ค.2568 เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก "คุกตวลสเลง-ทุ่งสังหารเจืองเอ็ก" ในกัมพูชา โดยองค์การยูเนสโก
ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ช่วยเยียวยาจิตใจของชาวกัมพูชาที่ต้องแบกรับบาดแผลจากอดีตอันเลวร้าย และเป็นเครื่องเตือนใจให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงคุณค่าของสันติภาพ และเสรีภาพ
ประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ถูกจารึกอย่างเป็นทางการ โดยได้การรับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก (World Heritage site) ชิ้นที่ 5 ในปี 2025 ในชื่อ “Cambodian Memorial Sites: From centres of repression to places of peace and reflection" หรือ “อนุสรณ์สถานแห่งกัมพูชา : จากศูนย์กลางการปราบปรามสู่สถานที่แห่งสันติภาพและการไตร่ตรอง” ในสมัยเขมรแดง
อนุสรณ์สถาน 3 แห่ง ของกัมพูชา ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน ย้ำเตือนถึงโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่เขมรแดงคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์นับล้านคน ได้แก่
1. สถานกักกัน Former M-13 prison
2. พิพิธภัณฑ์ Tuol Sleng Genocide Museum (Former S-21 prison) หรือ คุกตวลเสลง ใจกลางกรุงพนมเปญ
3. Choeung Ek Genocidal Center (Former execution site of S-21) หรือ ศูนย์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เฌออึงเอก (อดีตสถานที่ประหารชีวิต S-21)
โดยการประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นตรงกับวาระครบรอบ 50 ปีของการขึ้นสู่อำนาจของ "ระบอบคอมมิวนิสต์เขมรแดง" (ปี 1975) ภายใต้การนำของ พล พต ซึ่งเป็นช่วงเวลา 3 ปี 8 เดือน 20 วัน ที่กัมพูชาตกอยู่ในความโหดร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
คุกตวลสเลง หรือที่รู้จักกันในชื่อ "S-21" เดิมคือโรงเรียนมัธยมศึกษา แต่ถูกดัดแปลงให้เป็นเรือนจำและศูนย์ทรมานนักโทษที่ใหญ่ที่สุดของเขมรแดง ที่นี่คือสถานที่ที่ผู้บริสุทธิ์นับหมื่นถูกจับกุม สอบสวน ทรมาน และบันทึกภาพ ก่อนจะถูกส่งไปสังหารหมู่ที่ "ทุ่งสังหาร" ทั่วประเทศ ซึ่ง "เจืองเอ็ก" คือหนึ่งในทุ่งสังหารที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่รู้จักมากที่สุด ที่นี่คือสุสานไร้หลุมศพของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายนับแสนคน ที่ถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดด้วยวิธีการอันป่าเถื่อน ไม่เว้นแม้แต่เด็กและทารก เพื่อกำจัด "ศัตรูทางชนชั้น" และผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า "ทรยศต่อการปฏิวัติ"
การขึ้นทะเบียนมรดกโลกในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการยกย่องคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของสถานที่ แต่ยังเป็นการย้ำเตือนถึงความเจ็บปวด ความสูญเสีย และความโหดร้ายที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันเอง เพื่อให้โลกได้เรียนรู้และไม่ให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำรอยอีก
การขึ้นทะเบียนครั้งนี้ของยูเนสโกถือเป็นการเสนอชื่อครั้งแรกของกัมพูชา ในฐานะสถานที่ทางประวัติศาสตร์ยุคใหม่ และถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งของโลกที่มีการบรรจุสถานที่ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับความขัดแย้งยุคใหม่เข้าสู่บัญชีมรดกโลก







