NIA เปิด 5 โปรแกรม ปั้นสตาร์ตอัป ระดับยูนิคอร์น เชื่อมไทยสู่ตลาดโลก

NIA เปิด 5 โปรแกรม ปั้นสตาร์ตอัป ระดับยูนิคอร์น เชื่อมไทยสู่ตลาดโลก

NIA เปิดตัว Acceleration Program 5 กลุ่ม “เกษตร - อาหาร - การแพทย์และสุขภาพ - พลังงาน - ท่องเที่ยว/ซอฟต์พาวเวอร์/สังคม” ปั้นสตาร์ตอัป ระดับยูนิคอร์น เชื่อมไทยกับตลาดโลกให้เกิด Impactful Innovation

6 ก.ค.2568 ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) บรรยายพิเศษหัวข้อ “Future Forward : Thailand’s Startup Ecosystem Outlook 2025” ในงาน Startup x Innovation Thailand Expo 2025 หรือ SITE 2025 ภายใต้แนวคิด “Global Innovation Partnership - AI & Sustainability : The Next Era of Innovation” 

โดยกล่าวถึงทิศทางภาพรวม และทิศทางระบบนิเวศสตาร์ตอัปไทยในปี 2025 ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างชัดเจน ทั้งในเชิงจำนวน ประเภทอุตสาหกรรม และความร่วมมือระหว่างประเทศ

โดยปัจจุบันประเทศไทยมีสตาร์ตอัปกว่า 2,100 รายในระบบ มีอัตราเติบโตสะสมจากปี 2564 – 2567 เพิ่มถึง 3.3% ต่อปี  เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

นอกจากนี้ สตาร์ตอัป ระดับ Seed หรือสตาร์ตอัปในระยะเริ่มต้นของธุรกิจ มีอัตราการเติบโตถึง 4% เมื่อเทียบระหว่างปี 2566 กับปี 2567 โดยสตาร์ตอัประดับ Seed คือกลุ่มเป้าหมายที่ NIA และหน่วยงานภาครัฐจะต้องเข้าไปช่วยผลักดันให้มีการเติบโตมากขึ้นเพื่อก้าวสู่การเป็นยูนิคอร์นตัวใหม่ของประเทศ

ปัจจุบันประเทศไทยมีสตาร์ตอัปในระดับยูนิคอร์นเพียง 3 ราย ได้แก่ Flash Express (โลจิสติกส์)  Ascend Money (ฟินเทค) และ LINE MAN Wongnai (ฟู้ดเดลิเวอรี) ซึ่งยังถือว่าน้อย เมื่อเทียบกับประเทศอื่น เช่น สหรัฐอเมริกา สวีเดน จีน อินเดีย หรือแม้แต่อินโดนีเซียในภูมิภาคอาเซียน

ดังนั้น NIA จึงตั้งเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนยูนิคอร์นไทยให้มากขึ้น ผ่านการสร้างกลไกสนับสนุนการเข้าถึงเงินทุน เช่น กองทุน PE Trust ที่สามารถลงทุนระดับ Series B ได้ และการเชื่อมโยงกับตลาดระดับโลก  
 
“การเพิ่มขึ้นของยูนิคอร์นเป็นสิ่งสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย แต่จะให้ยูนิคอร์นเกิดขึ้นเองคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ถ้าจะเพิ่มยูนิคอร์น จะเพิ่มอย่างไร สิ่งแรกคือต้องมีตลาดให้ใหญ่ขึ้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ NIA จึงมองว่าการปั้นสตาร์ตอัปให้มีความเชื่อมโยงกับตลาดใหญ่จะต้องใช้ Acceleration Program หรือโปรแกรมเร่งการเติบโตของธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการเติบโตและการขยายตลาดต่างประเทศให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม” 

NIA เปิด 5 โปรแกรม ปั้นสตาร์ตอัป ระดับยูนิคอร์น เชื่อมไทยสู่ตลาดโลก

ผอ. NIA กล่าวอีกว่า หนึ่งในกลยุทธ์หลักของ NIA คือการเปิดตัว 5 โปรแกรม Accelerator ใหม่ ที่มีกระบวนการทั้งการเรียนรู้ การให้คำปรึกษาแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง การจับคู่ธุรกิจ และการขยายตลาด ร่วมกับการให้ทุนสนับสนุนสู่การเติบโต เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและสร้างระบบนิเวศในสาขาต่าง ๆ ประกอบด้วย

1. AGROWTH - เร่งสร้างการเติบโตให้กับ AgTech Startup โดยมีความร่วมมืออย่างหลากหลายกับบริษัทในธุรกิจเกษตรเปิดบ้านต้อนรับร่วมทดสอบ POC มหาวิทยาลัยที่พัฒนาสตาร์ทอัพเกษตรรายใหม่ ตบอดจนหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานสนับสนุนเขื่อมโยงให้เกิดการขยายการใช้งานกับเกษตรกรและภาคอุตสาหกรรมเกษตร

2. Thai Kitchen - ส่งเสริมผู้ประกอบด้าน FoodTech Startup และ SME ไทยขยายเติบโตสู่ระดับโลก ในปัจจุบันมี 2 กิจกรรม ได้แก่ SPACE-F  มีความร่วมมือกับ Thai Union, Thai Beverage, Nestlé, Deloitte, และคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่มุ่งเน้น FoodTech Startup ระดับนานาขาติ อีกกิจกรรมคือ Thai Kitchen-Crafted FoodTech Accelerator Program ที่มุ่งเน้นด้านการสร้างตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยจัดทำ Growth Lab Journey ผ่านการให้คำปรึกษาแบบเฉพาะเจาะจง และวางแผนกิจกรรมให้เหมาะสมแต่ละบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ

3. SpearH เป็น Accelerator ด้าน Medicle Health and Wellness โดยมีร่วมมือเป็น Strategic Partnersได้แก่ ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี (YMID)  ย่านนวัตกรรมการแพทย์สวนดอก (SMID) ย่านนวัตกรรมการแพทย์ศิริราช และย่านนวัตกรรมการแพทย์กังสดาล (KMID) รวมถึงหน่วยงานเพื่อยกระดับระบบนิเวศด้านการแพทย์และสุขภาพ

4. ClimateX – เร่งการเติบโตของผู้ประกอบการ ClimateTech ด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม และยานยนต์ไฟฟ้า ให้เติบโตและขยายตลาดได้จริง สู่เป้าหมาย Net Zero อย่างยั่งยืน โดยประกอบด้วย 2 กิจกรรม   ClimateX-ClimateTech Accelerator Program และ FutuerMove โดยมีความร่วมมือกับหลากหลายหน่วยงาน เข่น PTT, SCG, EGAT และ Innopower  

5. S-Impact เป็น Accelerator ที่มุ่งเน้นด้าน Travel SoftPower และ Social สำหรับผู้ประกอบการที่ทำงานด้านชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม ทำงานเชื่อมต่อกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ หน่วยงานสนับสนุนด้านสังคม และมหาวิทยาลัยที่เป็นหน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคม (SID) เพื่อสร้างผลกระทบเพื่อสังคม ให้เกิดความยั่งยืน

ทั้งนี้ การทำ  Acceleration Program ทั้ง 5 กลุ่ม เพื่อให้เกิด Impactful Innovation หรือนวัตกรรมที่ส่งผลกระทบเชิงบวกอย่างชัดเจนต่อผู้คน สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมให้กับประเทศไทย ที่วัดผลได้จริง ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีจุดมุ่งหมายสูงสุด คือ การพาประเทศไทยก้าวสู่การเป็นชาติแห่งนวัตกรรม ที่มีผู้ประกอบการนวัตกรรมสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก ภายใต้เป้าหมาย NIA - Leading Thailand to Innovation