ดัน ‘ทุเรียนดอยขะม้อ’ ลำพูน สร้างอัตลักษณ์พื้นที่ ดึงท่องเที่ยว

หนุนเกษตรกรลำพูน ปลูกทุเรียนเป็นพืชทางเลือก แหล่งปลูกที่ลาดเชิงเขา ทุเรียนดอยขะม้อ จุดเด่น เนื้อครีม กลิ่นอ่อน รสชาติ “ภูเขาไฟผสมป่าละอู” ดันสร้างอัตลักษณ์พื้นที่
จันตนา ขันแก้วผาบ เกษตรกรเจ้าของสวนทุเรียนพอเพียง ดอยขะม้อ ต.มะเขือแจ้ อ.เมือง จ.ลำพูน สวนทุเรียนรายแรก ๆ ในลำพูน ที่ให้ผลผลิตออกสู่ตลาด บอกเล่า ผ่านรายการ "เกษตรวาไรตี้" ทางสถานีวิทยุ ม.ก.
เริ่มปลุกทุเรียนมาตั้งแต่ปี 2561 จากเดิมเป็นสวนลำไย หลังลำไยราคาตกต่ำ จึงมีแนวคิดอยากทำสวนทุเรียน เหมือนทางภาคตะวันออก และภาคใต้
เริ่มแรกจึงปลูก 270 ต้น บนเนื้อที่ 9 ไร่ จากนั้นได้ขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มอีก 3 ไร่ รวมเป็น 12 ไร่ในปัจจุบัน
เป็นสายพันธุ์หมอนทอง 90% ส่วนที่เหลือก็จะเป็นสายพันธุ์อื่น ๆ เพื่อการทดลองเท่านั้น จะดูว่าสายพันธุ์ใดมีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่นี้ อาทิ ชะนี ก้านยาว หลงหลินลับแล พวงมณี พันธุ์พื้นเมืองของจันทบุรี นกหยิบ และกบชายน้ำ เป็นต้น
“ทำสวนลำไยมา 20 กว่าปีราคาตกต่ำทุกปี ก็เลยอยากเปลี่ยนเป็นไม้ผลอื่นดูบ้าง ก็เลยเอาทุเรียนมาทดลองปลูก เมื่อปี 2561 พอปีที่ 3 ทุเรียนเริ่มออกดอกและติดผล ภาคเหนือบ้านเราก็จะมีปัญหาช่วงหน้าหนาว อากาศเย็นมาก ๆ ทุเรียนตาย เราก็หาวิธีแก้ไขโดยเอาสังกะสีมาช่วยพ่น ช่วงที่หนาวจัด พ่นประมาณ 2-3 ครั้ง ปรากฎว่าได้ผล ทุเรียนรอด พอปีที่ 3 ก็เริ่มให้ผลผลิต จนปีนี้ทุเรียนให้ผลผลิตมาเป็นปีที่ 3 แล้ว”
รสชาติ ไม่เหมือนหมอนทองที่อื่น เป็นรสชาติที่ผสมกันระหว่างทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ กับทุเรียนป่าละอู ประจวบฯ เนื้อครีม ไส้แห้ง เพราะปลูกในพื้นที่ลาดชันเชิงดอย
เจ้าของสวนทุเรียนพอเพียง ดอยขะม้อ คาดว่าผลผลิตทุเรียนปีนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 2 ตันกว่า หรือ 700-800 ลูก และปลายเดือนมิถุนายนนี้ ก็จะเริ่มทยอยตัดเก็บออกสู่ตลาด
สำหรับราคาจำหน่ายหน้าสวน อยู่ที่กิโลกรัมละ 250 -299 บาท เท่ากับปีที่แล้ว
ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าเดิม ที่สั่งจองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และลูกค้าที่บอกต่อกันปากต่อปาก ขณะนี้ผลผลิตที่ทยอยตัดรุ่นแรกปลายเดือนนี้ มีลูกค้าจองหมดแล้ว
รุ่นต่อไปจะทยอยตัดประมาณต้นต้นเดือนหน้ากรกฎาคม ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดและสั่งจองได้ที่โทร 08-3311-7932
ส่วนปัญหา และอุปสรรค จินตนาบอกว่า ส่วนใหญ่จะมาจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากทุเรียนไม่ชอบอากาศหนาวจัด จะเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิเกิน 35 องศาเซลเซียส ทุเรียนชอบน้ำ แต่ไม่ชอบชื้นแฉะ และจะช่วยป้องกันปัญหาโรครากเน่า โคนเน่าด้วย
สิ่งเหล่านี้เจ้าของสวนจะต้องคำนวณให้พอดีกับต้นทุเรียน คือต้องมีน้ำเพียงพอ แต่ไม่ใช้น้ำเยอะ เพราะน้ำคือปัจจัยสำคัญที่สุดของสวนทุเรียน
สำหรับการทำแปลงทดลองสายพันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 20 กว่าต้นของแต่ละสายพันธุ์ เพื่อจะได้ดูว่าสายพันธุ์ใดเหมาะกับสภาพพื้นที่ที่นี่ก็จะทยอยนำมาปลูกต่อไป
ปีนี้ปัญหาโรคแมลงไม่ค่อยมี แต่มีปัญาสภาพอากาศฝนมาเร็ว ดอกร่วง ผลผลิตไม่ได้ตามเป้าหมาย
ขณะที่ อรรถพร เฉยพันธ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองลำพูน ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ต.มะเขือแจ้ ให้ข้อมูลว่า ต.มะเขือแจ้ มีพื้นที่การเกษตรทั้งหมด 18,000 ไร่ โดยมีพืชเศรษฐกิจหลักอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ ข้าวและลำไย ข้าวมีพื้นที่ปลูก ประมาณ 7,000 ไร่ ส่วนลำไยประมาณ 8,000ไร่ ที่เหลือก็จะเป้นพืชอื่น ๆ
สำหรับทุเรียน มีการปลูกประมาณ 50-60 ไร่ มีเกษตรกรปลูก 5-6 ราย ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรใน จ.ลำพูนก็เริ่มหันมาปลูกทุเรียนกันมากขึ้นในหลายอำเภอ หลายตำบล เนื่องจากเห็นว่าเป็นไม้ผลที่ทำเงินดีกว่าลำไย ขณะพื้นที่ปลูกก็มีความเหมาะสม ทุกวันนี้เกษตรกรได้รวมกลุ่มในจังหวัด เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเรื่องการปลูกทุเรียน
“แต่ก่อนเราเคยได้ยืนกันว่า ลำพูนคือลำไย ปี 62 เริ่มมีการปลูกทุเรียนแล้ว ตอนนั้นมีราคา ก็น่าจะผลักดันเป็นพืชทางเลือกพืชทดแทน หลังจากนั้นก็ได้เข้ามาส่งเสริมเกษตรกรปรับเปลี่ยนการปลูกพืชตัวใหม่ จากลำไยมาเป็นทุเรียน แล้วเริ่มทดลองปลูกกัน ปลูกมาได้สักระยะทุกคนก็เริ่มท้อ เพราะปลูกแล้วตาย ปลูกแล้วไม่รอด ก็ล้มลุกคลุกคลานกันมา มีพี่จินตนา ที่สู้เป็นแกนนำ เป็นแนวหน้าในพื้นที่ ต.มะเขือแจ้”
อรรถพร บอกอีกว่า จากวันที่มารับตำแหน่งเกษตรตำบลมะเขือแจ้เมื่อปี 2562 จนถึงวันนี้ (ปี2568) ได้ร่วมกันพัฒนาคุณภาพผลผลิต ร่วมกันแก้ปัญหา ได้เห็นการก้าวผ่านอุปสรรคของเกษตรกรชาวสวนทุเรียน จนวันนี้เริ่มเห็นผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว
ถึงแม้ทุเรียนลำพูน โดยเฉพาะทุเรียน ต.มะเขือแจ้ จะสู้ลำไยไม่ได้ในแง่ของปริมาณและพื้นที่ปลูก แต่อย่างน้อยก็จะเป็นพืชทางเลือกให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ จะร่วมกับเกษตรกรในการสร้างอัตลักษณ์ของทุเรียนมะเขือแจ้ให้เป็นที่รู้จักต่อสาธารณชนมากขึ้นเพื่อสร้างมูลค่าต่อไป
ตอนนี้คุณภาพทุเรียนเราได้ ถ้าใครได้ทานจะรู้เลยว่ารสชาติทุเรียนมะเขือแจ้จะไม่เหมือนกับทุเรียนที่อื่น ต่อไปจะร่วมกับเกษตรกรสร้างอัตลักษณ์ทุเรียนมะเขือแจ้ ให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป พร้อมวางแผนทำท่องเที่ยวเชิงเกษตรต่อไปในอนาคต