‘ไทย’ ประกาศความพร้อมเป็นผู้นำ ‘การแพทย์ดั้งเดิมอาเซียน’

‘ไทย’ ประกาศความพร้อมเป็นผู้นำ ‘การแพทย์ดั้งเดิมอาเซียน’

กรมการแพทย์แผนไทยฯ โชว์วิสัยทัศน์ประกาศความพร้อมเป็นผู้นำการแพทย์ดั้งเดิมอาเซียน ในเวที ASEAN Health Cluster 3 ที่บรูไน ชู ขับเคลื่อน 3 โครงการหลัก ยกระดับมาตรฐานการดูแลสุขภาพในภูมิภาค ภายใต้แนวคิด “สุขภาพดีถ้วนหน้า” สอดคล้องกับวิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่น

นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยว่า การประชุมความร่วมมือด้านสุขภาพระดับภูมิภาค “ASEAN Health Cluster 3” ครั้งที่ 6 ได้มอบหมายให้คณะผู้แทนไทย นำโดยนายแพทย์สุรัคเมธ มหาศิริมงคล ผู้อำนวยการกองวิชาการและแผนงาน และ น.ส.เบญจมา บุญเติม หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการแพทย์ดั้งเดิมระหว่างประเทศ เดินทางไปร่วมงานดังกล่าวที่จัดขึ้นระหว่างวันที่  3–5 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมเรดิสัน กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไนดารุสซาลาม เพื่อนำเสนอความก้าวหน้ากิจกรรมด้านการแพทย์ดั้งเดิมที่ไทยเป็นประเทศนำในแผนปฏิบัติการอาเซียนระหว่างปีพ.ศ. 2564-2568 และร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ความร่วมมือด้านสุขภาพในภูมิภาคอาเซียน ภายหลังปีพ.ศ.2568  โดยในการประชุมดังกล่าวคณะผู้แทนไทยได้นำเสนอโครงการสำคัญที่ไทยเป็นหัวเรือใหญ่ในการพัฒนาการแพทย์ดั้งเดิมในระบบสุขภาพ และพร้อมจะเป็นผู้นำในด้านนี้

นายแพทย์สุรัคเมธ กล่าวว่า ประเทศไทยได้นำเสนอแผนขับเคลื่อน 3 โครงการหลักๆ ประกอบด้วย 1. คู่มือแนวนโยบายและการปฏิบัติด้านการแพทย์แผนดั้งเดิมในอาเซียน เอกสารสำคัญที่กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเชิงระบบจากประเทศสมาชิก ครอบคลุมทั้งด้านนโยบาย มาตรฐานการรักษา และข้อกำหนดทางกฎหมาย และแนวปฏิบัติการให้บริการจากประเทศสมาชิกอาเซียน ตั้งเป้าแล้วเสร็จภายในปี 2568 เพื่อเป็นต้นแบบพัฒนาระบบบริการสุขภาพดั้งเดิมระดับภูมิภาค

‘ไทย’ ประกาศความพร้อมเป็นผู้นำ ‘การแพทย์ดั้งเดิมอาเซียน’

2. การประชุม “ASEAN Conference on Traditional and Complementary Medicine” ประเทศไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ 2–3 กรกฎาคม 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยตั้งเป้าเป็นเวทีแลกเปลี่ยน องค์ความรู้ วิจัย และแนวปฏิบัติการใช้การแพทย์ดั้งเดิมและการแพทย์ทางเลือก ดูแลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) พร้อมส่งเสริมการบูรณาการเข้าระบบสุขภาพ ของประเทศสมาชิก 

3. การพัฒนา “การเทียบเคียงมาตรฐานการแพทย์ดั้งเดิมในอาเซียน” เป็นโครงการริเริ่มใหม่ในช่วงปี 2569–2570 มุ่งสร้างความ เท่าเทียมของมาตรฐานการรักษา และส่งเสริมเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญทั่วอาเซียน ผ่านการแลกเปลี่ยน  Best Practices และองค์ความรู้ร่วมกัน

“ทั้ง 3 โครงการสะท้อนบทบาทที่แข็งแกร่งของไทยในการขับเคลื่อนการแพทย์แผนดั้งเดิมในอาเซียน ไม่เพียงยกระดับมาตรฐานการดูแลสุขภาพในภูมิภาค แต่ยังสอดคล้องกับเป้าหมาย “Health for All” และการพัฒนาสังคมตามแนวทางแผนประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASCC Blueprint) หลังปี 2568  ประเทศไทยยังคงเดินหน้าอย่างมั่นคงในฐานะศูนย์กลางภูมิภาคด้านการแพทย์แผนดั้งเดิมและทางเลือก ด้วยการส่งออกองค์ความรู้และนวัตกรรมอันหยั่งรากจากภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างสุขภาวะที่ยั่งยืนให้กับประชาชนอาเซียนในอนาคต” นายแพทย์สุรัคเมธ กล่าว