กยท. ต่อยอดน้ำหมักฯ ปลาหมอคางดำ เฟส 2 เป็นปุ๋ยอินทรีย์น้ำ 'การยาง'

"ปลาหมอคางดำ" เฟส 2 กยท.ต่อยอดผลิตน้ำหมักชีวภาพ เป็นปุ๋ยอินทรีย์น้ำ จ่อขึ้นทะเบียนแบรนด์ “การยาง” ได้ประโยชน์ทั้งเพิ่มผลผลิต-ลดต้นทุนสวนยาง และรักษาระบบนิเวศทางน้ำ
ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (ประธานบอร์ด กยท.) เปิดเผยว่า หลังจาก กยท.ประสบผลสำเร็จในโครงการรับซื้อปลาหมอคางดำเพื่อนำมาผลิตน้ำหมักชีวภาพใช้ในสวนยางพารา เฟส 1 ตามนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขณะนี้ได้ขยายโครงการดำเนินการต่อ ในเฟส 2
โดยได้รับอนุมัติกรอบงบประมาณ สำหรับที่ใช้ในการรับซื้อปลาหมอคางดำ ตามมาตรา 13 ของพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 สำหรับใช้ในการดำเนินธุรกิจอีกจำนวน 12 ล้านบาท
จึงตั้งเป้า รับซื้อปลาหมอคางดำจำนวน 600,000 กิโลกรัม(กก.) จนถึงขณะนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 24 ก.พ.2568) กยท. รับซื้อปลาหมอคางดำจากแพปลา หรือจุดรับซื้อที่ประกาศโดยกรมประมงในราคา กก.ละ 20 บาท (เป็นค่าปลา 15 บาท ค่ารวบรวม ค่าขนส่ง บริหารจัดการของจุดรวบรวม 5 บาท) จำนวนทั้งสิ้น 577,539 กก. คิดเป็นร้อยละ 95 จากเป้าหมายที่กำหนดไว้ คาดว่าจะได้ปลาหมอคางดำเต็มโควตารับซื้อในเร็ว ๆ นี้
ทั้งนี้ ปลาหมอคางดำที่รับซื้อมาทั้งหมด จะรวมรวบส่งให้สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง และหมอดินอาสาของกรมพัฒนาที่ดิน เป็นผู้ผลิตตามสูตรของกรมพัฒนาที่ดิน คาดว่าจะผลิตน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำในเฟส 2 แล้วเสร็จในช่วงเดือนเมษายน 2568
สำหรับโครงการรับซื้อปลาหมอคางดำเพื่อนำมาผลิตน้ำหมักชีวภาพ ในเฟส 1 กยท.ได้ดำเนินการรับซื้อปลาหมอคางดำ ระหว่างวันที่ 1-24 สิงหาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดหนักในแหล่งน้ำเป็นวงกว้าง กินพื้นที่ถึง 19 จังหวัดในภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ของประเทศ
สามารถรับซื้อปลาหมอคางดำได้จำนวน 581,437 กก. ในราคา กก.ละ 20 บาท และนำมาแปรรูปสามารถผลิตน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำได้ทั้งหมดประมาณ 930,298 ลิตร นำไปจัดสรรให้สมาชิกกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางที่อยู่ในโครงการส่งเสริมการทำสวนยางในรูปแบบแปลงใหญ่ ปี 2565-2567 รวม 14,552 ราย ๆ ละ 40 ลิตร
มีเกษตรกรชาวสวนยางในโครงการสนับสนุนแปลงใหญ่ ฯ นำน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำไปฉีดพ่น รวมทั้งสิ้น 353 แปลง พบว่า เปลือกต้นยางอ่อนนุ่มลง ทำให้กรีดง่าย เพิ่มน้ำยาง เพิ่มผลผลิต เพิ่มคุณภาพให้พืช ช่วยปรับปรุงดิน ลดการใช้ปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพงกว่าน้ำหมักชีวภาพ
ทั้งนี้ น้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำมีความเข้มข้นของธาตุอาหารสูง อัตราการใช้ 1 ลิตร สามารถผสมน้ำฉีดพ่นได้ถึง 8 ไร่ ประหยัดต้นทุนค่าปุ๋ยได้เป็นอย่างดี ทำให้มีเกษตรกรผู้ปลูกเริ่มให้ความสนใจน้ำหมักชีวภาพชนิดนี้จำนวนมาก จึงได้มีการจัดจำหน่ายน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำ ในส่วนที่เหลือให้กับเกษตรกรชาวสวนยางผู้รับการปลูกทดแทน และเกษตรกรทั่วไปนำไปใช้บำรุงพืชผลทางเกษตร
ประธานบอร์ด กยท.ระบุด้วยว่า น้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำจัดว่าเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของพืชที่มีต้นทุนต่ำ ลดการสะสมของสารเคมีที่เป็นอันตรายทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งยังเป็นการใช้ประโยชน์จากปลาหมอคางดำที่เป็นสัตว์น้ำต่างถิ่นที่สร้างปัญหาให้ระบบนิเวศ สามารถลดการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำได้อย่างเป็นรูปธรรม ช่วยรักษาระบบนิเวศทางน้ำ อีกทั้งยังช่วยลดของเสียจากภาคเกษตรและการประมง น้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำจึงเป็นทางเลือกที่ดีอย่างยิ่งสำหรับเกษตรกรไทย
นอกจากนี้ กยท. ยังจะพัฒนาต่อยอดดำเนินการขอขึ้นทะเบียนเป็นปุ๋ยอินทรีย์น้ำปลาหมอคางดำ แบรนด์ “การยาง” จำหน่ายในราคาย่อมเยาว์ เพียงลิตรละ 100 บาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร และลดต้นทุนผลิต
รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมการทำการเกษตรการแบบยั่งยืนให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรอีกด้วย
ทั้งนี้เกษตรกรที่สนใจน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำสามารถติดต่อสั่งจองได้ที่ สำนักงาน กยท.ทั่วประเทศ