ครม.ไฟเขียว ขยายเวลายื่นขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ 68 จังหวัด

ครม.ไฟเขียว ขยายเวลายื่นขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ 68 จังหวัด จำนวน 21,355 โครงการ รวม 137,444 คำขอ เขตป่าสงวนแห่งชาติ 93,706 คำขอ เขตป่า 2484 จำนวน 43,738 คำขอ เร่งพิจารณาภายใน 6 เดือน
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้มอบหมายให้กรมป่าไม้ แจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อแจ้งให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ประสานกับส่วนราชการ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการสำรวจและรวบรวมข้อมูลโครงการที่ดำเนินการในเขตพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต และยังไม่ได้ยื่นคำขออนุญาตตามกำหนดเวลาตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2564 ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 7 ก.ย. 2564 และรวบรวมข้อมูลแจ้งกลับมายังกรมป่าไม้เพื่อสรุปผล
โดยจากการสรุป เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา พบว่ามีโครงการที่ดำเนินการในเขตพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต และยังไม่ได้ยื่นคำขออนุญาตใน 68 จังหวัด รวม 21,355 โครงการ ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาและสร้างประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย ทั้งส่วนราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ สามารถปฏิบัติงานเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายกำหนด ส่วนประชาชนจะได้รับการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียมและเสมอภาค ขณะเดียวกันยังช่วยลดขั้นตอนและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน ตลอดจนส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐให้ปฏิบัติภารกิจเป็นไปตามเป้าหมายของ ทส. จึงเห็นสมควรให้กรมป่าไม้ ดำเนินการขอขยายระยะเวลา ครม.
ทั้งนี้ ทส.ได้เสนอเรื่องผ่านไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอเข้าที่ประชุม ครม.พิจารณา เกี่ยวกับการขอผ่อนผันการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต และยังไม่ได้ยื่นคำขออนุญาตในระยะเวลา ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2563 และเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2564 และมติ ครม.ที่เกี่ยวข้อง
นายเฉลิมชัย ระบุว่า ในการเสนอขอผ่อนผันดังกล่าว ประกอบด้วย 5 ประเด็นสาระสำคัญ ดังนี้
ประเด็นที่ 1 ผ่อนผันให้ส่วนราชการที่ได้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต และยังไม่ได้ยื่นคำขออนุญาตในห้วงเวลาตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2563 และเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2564 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2564 มายื่นคำขอภายใน 120 วัน นับแต่วันที่ ครม. มีมติ แต่ต้องเป็นโครงการที่ส่วนราชการได้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต ต้องเป็นโครงการที่ได้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนวันที่ 23 มิ.ย. 2563 เท่านั้น หากยังพบว่าส่วนราชการใด ยื่นคำขอไม่ทันอีก ให้ส่วนราชการดังกล่าวเสนอเรื่องต่อ ครม. พิจารณาด้วยตนเอง
ประเด็นที่ 2 คำขอตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2563 และเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2564 และคำขอที่จะได้รับการผ่อนผันตามข้อ 1 หากอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ Zone C ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติอนุมัติ จากเดิมเป็นอำนาจของ รมว.ทส.
ประเด็นที่ 3 ขอผ่อนผันให้ส่วนราชการที่ได้ยื่นคำขอตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2563 และเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2564 และคำขอที่จะได้รับการผ่อนผันตามข้อ 1 เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 A ซึ่งเดิมส่วนราชการผู้ขอต้องเสนอ ครม. เองเป็นราย ๆ ไป
ประเด็นที่ 4 เสนอเห็นชอบให้ส่วนราชการที่ได้ยื่นคำขออนุญาตตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2563 และเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2564 และตามที่ ครม.ได้เห็นชอบในครั้งนี้ ให้สามารถของบประมาณ และเข้าไปดำเนินการซ่อมแซม บำรุง รักษาสิ่งปลูกสร้างได้
ประเด็นที่ 5 คำขอที่จะได้รับการผ่อนผันตามข้อ 1 ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าปลูกป่าทดแทนตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2556
รมว.ทส. กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าในการพิจารณาคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต ตามมติครม.เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2563 และเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2564 จำนวน 137,444 คำขอ ประกอบด้วย คำขอในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 93,706 คำขอ และคำขอในเขตป่า 2484 จำนวน 43,738 คำขอ จะมีการเร่งรัดการพิจารณาคำขออนุญาตให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน โดยจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จากเดิมเดือนละ 1 ครั้ง เป็นเดือนละ 2 ครั้ง
ทั้งนี้ ภายใต้นโยบายของรัฐบาล ที่ได้มอบหมายให้ทุกกระทรวงรวบรวมนโยบายสนับสนุนการกินดีอยู่ดี หรือมีคุณภาพชีวิตที่ดี ในส่วนของกรมป่าไม้ จะเร่งอนุญาตคำขออนุญาตการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ที่ตกหล่น ยังไม่ได้ขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ตามมติ ครม. ส่วนคำขออนุญาตฯ ที่ยื่นไว้แล้ว จะเร่งรัดการพิจารณาให้เสร็จโดยเร็ว







