กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพสกลนคร ชู ความร่วมมือท้องถิ่น เดินหน้างานฟื้นฟู

เกือบ5 ปีของการดำเนินงาน หลังการจัดตั้ง กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดสกลนคร ในปี 2564 ซึ่งถือเป็นการลงนามร่วมกันระหว่าง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช ) และ ดร.ชูพงศ์ คําจวง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร (อบจ.สกลนคร) กองทุนฟื้นฟู จ.สกลนคร กลายเป็นโมเดลความสำเร็จของท้องถิ่นในการดูแล ฟื้นฟูผู้ป่วย ผู้ด้อยโอกาส และคนพิการ จังหวัดสกลนคร มีผู้พิการทั้งหมด 39,000 คนและในจำนวนดังกล่าวกว่า 50 % หรือ 1-2 หมื่นคน เป็นผู้พิการทางการเคลื่อนไหว ที่ต้องได้รับการฟื้นฟูทางการแพทย์ รวมถึงการปรับสภาพบ้านต่างๆ เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไป สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี

"ผมจะดำเนินชีวิตให้อยู่กับสังคมให้ดีที่สุดครับ  ไม่คิดว่าจะมีวันนี้" พรทวี สาระคำ ผู้พิการทางสายตา บ้านเหล่ามะแงว เทศบาลตำบลดงชน อ.เมือง สกลนคร จ.สกลนคร ดีใจที่ได้บ้านเป็นที่พักพิงของตัวเอง เพราะนั่นหมายถึงจุดเริ่มต้นที่อุ่นใจในการใช้ชีวิต เริ่มทำงานเหมือนคนทั่วไป

เช่นเดียวกับ ยายคำใส คำตลบ อายุ 74 ปี บ้านหนองมะเกลือ เทศบาลตำบลดงชน อ.เมือง สกลนคร จ.สกลนคร ที่กองทุนฟื้นฟูฯทำบ้านให้จากบ้านหลังเก่าที่ทรุดโทรม ห้องนี้ไม่หมาะกับผู้สูงอายุ ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

ดร.ชูพงศ์ คำจวง กล่าวในขณะทำหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร (12 ธ.ค.67) บอกว่า อบจ.ให้ความสำคัญกับงานฟื้นฟู โดยในทุกปีตั้งงบประมาณกองทุนฟื้นฟู ฯ เอาไว้ประมาณ 20 ล้านบาท เพื่อเข้าไปดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียง ทั้งมอบอุปกรณ์กายภาพ สร้างบ้านให้กับผู้ยากไร้ ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียงเพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ยังได้ได้ปรับปรุงที่อยู่อาศัย สร้างบ้านให้กับผู้พิการ ผู้สูงอายุ โดยปีที่ผ่านมาสามารถสร้างบ้านได้กว่า 60 หลังคาเรือน 

กองทุนฟื้นฟู จ.สกลนคร ถือเป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นได้ไม่นานแต่สามารถดำเนินการ สร้างความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นของจ.สกลนคร เนื่องจากนโยบายและวิสัยทัศน์ของผู้นำท้องถิ่น ที่เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับจังหวัดสกลนคร ที่เป็นสังคมผู้สูงอายุ มีผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้พิการเพิ่มมากขึ้น 
“บูรณาการ และความร่วมมือ คือความสำเร็จ” สุรชัย ศักดิ์สมฤทธิ์  รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร บอกว่า วิธีทำงานของกองทุนฟื้นฟู สกลนคร คือความร่วมมือระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนึ่งส่วน ร่วมกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่เข้ามาสังกัด อบจ. จำนวน 149 รพสต. และ เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ เข้ามาเป็นคณะกรรมการ ร่วมกันบูรณาการทั้งจังหวัด

สุรชัย บอกว่า สาเหตุหน่วยงานท้องถิ่นให้ความสำคัญกับงานฟื้นฟู จนสามารถบูรณาการทำงานร่วมกัน เพราะเมื่อลงพื้นที่พบปะกับชาวบ้านก็เห็น ลักษณะนี้ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการใช้ชีวิตลำบาก เพราะป่วยคนหนึ่งเท่ากับป่วยทั้งบ้าน ขาดรายได้ความเป็นอยู่ก็ลำบาก เราจึงเห็นว่า ควรจะมีคนเข้ามาช่วยดูแลคนกลุ่มนี้ และตั้งกองทุนฟื้นฟูขึ้นมาเป็นกลไกความร่วมมือของหน่วยงานเพื่อให้คุณภาพชีวิตของคนในจังหวัดสกลนครยั่งยืน มีคุณภพชีวิตที่ดี

จิราภรณ์ เบิกบานดี นายอำเภอเมือง จ. สกลนคร บอกว่า ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทำให้ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ได้รับการดูแลทั่วถึง โดยในด้านที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องที่สำคัญอำเภอ ต้องประสานข้อมูลความช่วยเหลือเรื่องงบประมาณ การก่อสร้าง  การซ่อมแซมบ้าน เพื่อพัฒนคุณภาพชีวิต ต้องทำงานร่วมกันไม่ว่าจะเป็น อบจ. องค์การบริหารส่วนตำบล ภาคีเครือข่ายภาคเอกชน

ศิริชัย คึ้มยะราช นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงชน  กล่าวว่า บทบาทของ อบต.ก็คือเจะลงพื้นที่ประจำเพื่อสำรวจพี่น้อง ว่ามีผู้ยากไร้  ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง ที่ต้องได้รับการปื้นฟู และประสานหน่วยงานเข้ามช่วยเหลือ โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ ต้องใช้หลายหน่วยงานเนื่องจาก บ้านหลังหนึ่งต้องใช้งบประมาณ 9 หมื่นบาท งบประมาณจากหน่วยงานเดียวไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นการประสานความร่วมมือจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ขณะที่การทำงานด้านสาธารณสุข วิสุทธิ์ ศิริคุณ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุข บอกว่า เจตนารมย์ของ กองสาธารณสุข คือต้องการให้สกลนครเป็นเมืองน่าอยู่ สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน  ขณะที่จังหวัดสกลนคร เป็นสังคมผู้สูงอายุ เพราะฉะนั้น จึงต้องดูแลสุขภาพของประชาชนและพัฒนาคุณภพชีวิต รวมถึงการฟื้นฟูให้ ผู้ป่วย ผู้พิการ ผู้สูงอายุมีคุรณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

"เขามีชีวิตดีขึ้นวันหนึ่ง เราก็ดีใจ ดีขึ้น 2 วัน เราก็ดีใจ เขามีชีวิตดีขึ้น 30 วันเราก็ดีใจ หายจากโรคต่างๆเรายิ่งดีใจ ถือว่าประสบความสำเร็จ การดูแลสมรรถภาพ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยผู้พิการ ซึ่งการทำงานร่วมกันบูรณาการร่วมกัน ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือหัวใจที่ทำให้เกิดความสำเร็จได้"

นพ.พิชิต แร่ถ่าย แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลสกลนคร กล่าวว่า กองทุนฟื้นฟูไม่ได้ทำแค่การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ หรือ การปรับสภาพบ้าน การให้กายอุปกรณ์ แต่ยังให้บริการในทางกายภาพบำบัด ในการจิตบำบัดด้วย หรือการฟื้นฟูจิตใจ ซึ่งต้องอาศัยภาคีเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นในโรงพยาบาลในพื้นที่ ในรพ.สต ที่มีบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยฝึกเดิน ฝึกการคลื่อนไหว ฝึกใช้ชีวิตประจำวัน การทำจิตบำบัดต่างๆ ทำให้คนไข้สามารถกลับมาฟื้นฟูตัวเองได้