ทหาร เจ็บปืนใหญ่ระเบิด พ้นขีดอันตราย กห. แจ้ง สิทธิ์-สวัสดิการ กรณีปลดราชการ

ทหาร เจ็บปืนใหญ่ระเบิด พ้นขีดอันตราย กห. แจ้ง สิทธิ์-สวัสดิการ กรณีปลดราชการ

“ภูมิธรรม” ส่งผู้แทนเยี่ยม ทหารบาดเจ็บจากอปืนใหญ่ระเบิด ล่าสุดพ้นขีดอันตราย แจ้งเงินสวัสดิการ กรณีปลดจากราชการ เลื่อน 2 ชั้นยศ ปรับฐานเงินเดือน

22 ม.ค.2568 ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มอบหมาย พลเอก ไตรศักดิ์ อินทรรัศมี  เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปเยี่ยมจ่าสิบตรี ชัยศิลป์ รักชาติ ทหารที่บาดเจ็บจากลูกกระสุนปืนใหญ่ระเบิด ในการยิงสลุตวันกองทัพไทย 18 มกราคม 68 ที่ห้อง ICU อุบัติเหตุ อาคารสิริกิติ์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

โดยพลเอก ไตรศักดิ์ ได้เข้าไปพูดคุยกับครอบครัวของทหารผู้บาดเจ็บ พร้อมให้กำลังใจ ก่อนที่จะมอบกระเช้าให้กับครอบครัว

พลเอก ไตรศักดิ์ กล่าวว่า เงินที่ทหารผู้บาดเจ็บจะได้รับ เป็นเงินสวัสดิการที่ได้รับเงินไปแล้วประมาณ 320,000 บาท ในเบื้องต้น ซึ่งการดูแลในระยะยาว ก็จะมีการสับเปลี่ยนหน้าที่ในการทำงาน ให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย ยืนยันว่า ทหารที่ได้รับบาดเจ็บจะได้รับราชการต่อไป หากเจ้าตัวมีความประสงค์ 

โดยวันนี้เท่าที่ได้พูดคุยกับจ่าสิบตรี ชัยศิลป์ ยังคงมีกำลังใจที่ดี แต่ยังคงมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ และมีแผลที่ใบหน้า และที่ตา ซึ่งที่บริเวณที่ตา และใบหน้า จะสามารถกลับมาเป็นปกติได้ พร้อมยืนยันว่าขณะนี้จ่าสิบตรี ชัยศิลป์ ได้พ้นขีดอันตรายแล้ว

ส่วนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ ให้ทางกรมสรรพาวุธ กองทัพบกเป็นผู้รายงาน ซึ่งตนก็ตอบไม่ได้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไรเนื่องจากว่า ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ พร้อมเชื่อว่า ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้สอบสวนเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด

ด้านนางสนั่น รักชาติ มารดา เปิดเผยว่า หน่วยงานต้องสังกัด ได้ดูแลครอบครัวเป็นอย่างดี ซึ่งการจ่ายเงินเยียวยาทางครอบครัวก็ไม่ได้ติดใจ ขึ้นอยู่กับทางหน่วยงานจะช่วยเหลือเท่าไหร่

สำหรับการดูแลช่วยเหลือในขั้นต้นกองทัพบก จะดูแลครอบครัวที่มาเฝ้าไข้อย่างใกล้ชิด โดยจัดหาที่พักให้ญาติที่ต้องเฝ้าดูแลในระยะยาว พร้อมสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่จำเป็นทั้งหมด นอกจากนี้ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 100,000 บาท จากกองทุนของหน่วยต้นสังกัด และจะได้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น สินไหมทดแทนจากโครงการพิทักษ์พลของกองทัพบกจำนวน 300,000 บาท, เงินสงเคราะห์ผู้ประสบภัยกรณีพิการทุพพลภาพ 367,500 บาท และเงินช่วยเหลือตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ คิดตามค่าแรงขั้นต่ำ รวมเป็นเงิน 135,780 บาท 

ทั้งนี้ ในกรณีที่กำลังพลได้รับปลดการจากราชการทหาร เนื่องจากพิการหรือทุพพลภาพ กองทัพบกจะดำเนินการตามระเบียบกระทรวงกลาโหม ปี 2560 คือการปูนบำเหน็จพิเศษ เลื่อนฐานเงินเดือนเป็น ป.2 ชั้น 29 (21,550 บาท) และเลื่อนชั้นยศ 2 ชั้นยศจาก “จ่าสิบตรี” เป็น “จ่าสิบเอก” 

วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพบก  พ.อ. ฐิต์รัชช์ สมบัติศิริ  โฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกว่า พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญขาการทหารบก เน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วยจัดการฝึกอย่างรอบด้าน นำไปสู่ความพร้อมในการเตรียมกำลังเพื่อรองรับกับสถานการณ์แวดล้อมที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน โดยจัดการฝึกต้องมีมาตรฐานตามที่กรมยุทธศึกษาทหารบกกำหนดไว้ พร้อมให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ  นอกจากนั้น ยังเน้นย้ำ เรื่องของการทำงานช่วยเหลือประชาชน งานจิตอาสา ให้ย้ำกำลังพลได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสำคัญ และดูความต้องการของสังคม ถ้าสิ่งใดที่กองทัพบก และกำลังพลทำได้ ก็ให้ดำเนินการทันที
    สำหรับกรณีกำลังพลที่บาดเจ็บจากเหตุยิงสลุตในงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์  จ.กาญจนบุรี ในวันกองทัพไทยนั้น พ.อ.ฐิต์รัชช์ กล่าวว่า  ทาง ผบ.ทบ.ได้แสดงความเสียใจ และได้สั่งระงับใช้กระสุนในล็อตเดียวกันกับที่เกิดเหตุ เพื่อความปลอดภัย ย้ำเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการปฏิบัติภารกิจใดๆ ก็ตาม ในส่วนนี้ได้ฝากความห่วงใยไปยังผู้ที่บาดเจ็บ ซึ่ง จ่าสิบตรี ชัยศิลป์ รักชาติ ซึ่งบาดเจ็บสาหัส รักษาตัวที่ รพ.พระมงกุฎฯ ได้ผ่าตัด แขน ช่องท้องเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของดวงตา ทางแพทย์ติดตามเฝ้าสังเกตอาการอยู่ ขณะนี้ยังปกติ  อาการโดยรวมอยู่ในขั้นปลอดภัย ไม่น่ากังวล ในส่วนผู้ร่วมงานแวะเวียนไปเยี่ยมให้กำลังใจ หน่วยต้นสังกัดได้ดูแลญาติที่มาเยี่ยม เฝ้าอาการ พร้อมขอให้แพทย์ได้ดูแลเป็นอย่างดี 
    สำหรับกรณีที่ญาติเป็นห่วงเรื่องการรับราชการหลังจากหายจากอาการป่วยนั้น  โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวว่าเมื่อหายจากอาการป่วยแล้วจะกลับเข้ารับราชการต่อหรือไม่ ถ้าเข้ารับราชการต่อกองทัพบกก็จะจัดหาหน่วยที่เหมาะสมกับสภาพของกำลังพลคนดังกล่าวให้ในอนาคต  แต่ถ้าไม่ประสงค์รับราชการต่อ ก็สามารถปลด กองทัพบก็จะดูแลในเรื่องสิทธิกำลังพลให้   ส่วนผลสอบสาเหตุที่ลูกกระสุนปืนใหญ่ระเบิดนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยทางกรมสรรพาวุธทหารบกและหน่วยที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลแล้ว ถ้าได้รับผลการตรวจสอบจะแจ้งให้ทางสื่อมวลชนได้รับทราบ