เช็คด่วน โอนเงินหมื่น ผู้สูงอายุ ก่อนถูกตัดสิทธิ์ หากติดขัดจ่ายซ้ำแค่3รอบ

เช็คด่วน โอนเงินหมื่น ผู้สูงอายุ  ก่อนถูกตัดสิทธิ์ หากติดขัดจ่ายซ้ำแค่3รอบ

“รัฐบาล” ย้ำ เงินหมื่น เฟส 2 มอบผู้สูงอายุ รัฐบาลพร้อมโอนไม่มีเปลี่ยนแปลง 27 มค. หากติดขัด จ่ายซ้ำ3รอบ ก่อนตัดสิทธิ์

22 มกราคม 2568 เวลา 10.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง ได้เตรียมพร้อมในการโอนเงินสนับสนุน"เงิน 10,000 บาทเฟส 2" ให้กับ กลุ่มผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปในวันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2568 นี้ โดยยืนยันไม่มีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน โดยกระทรวงการคลังจะจ่ายเงินในวันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2568 นี้ 

สำหรับกรณีที่จ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายไม่สำเร็จในครั้งแรกจะมีการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ให้แก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวอีก 3 ครั้ง เพื่อให้ผู้ได้รับสิทธิ์นี้จำนวนกว่า 3,000,000 คน มีโอกาสได้รับการสนับสนุนเงินอย่างทั่วถึง

“การจ่ายซ้ำอีก 3 ครั้งเนื่องจากในวันที่ 27 นี้ ช่วงแรกอาจมีจำนวนมากที่ติดขัดเรื่องระบบ และการลงทะเบียน แต่หากจ่ายอีก 3 ครั้งครบแล้วกระทรวงการคลังจะยุติการจ่ายเงิน และถือว่าผู้มีสิทธิ์ไม่ประสงค์จะรับเงินโครงการฯ”

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของผู้ผ่านคุณสมบัติได้สิทธิ์รับเงินเพื่อใช้จ่ายจำนวน เงินหมื่น เฟส 2 ของผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปที่อาจจะไม่มีโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนที่สามารถใช้ลงทะเบียนในแอปพลิเคชันทางรัฐได้ รัฐบาลกำลังเร่งพิจารณารูปแบบการดำเนินการเพื่อให้ทุกคนได้รับสิทธิ์ ทั้งนี้ รัฐบาลเข้าใจว่ากลุ่มผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวนไม่น้อยอาจจะไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟน แต่ขอความเมตตาจากลูกหลานให้ช่วยกันเป็นธุระในการลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ เพื่อจะได้ใช้เป็นฐานข้อมูลต่างๆในการรับเงินสนับสนุน หรือสิทธิประโยชน์ที่ท่านพึงจะได้รับจากรัฐอย่างต่อเนื่องโดยไม่ติดขัด อีกทั้งยังเป็นการลดขั้นตอนทางเอกสาร และการเดินทางไปที่ส่วนราชการต่างๆ อีกด้วย

“ตั้งแต่วันนี้ (พุธ 22 มกราคม 2568) เป็นต้นไป ระบบจะเปิดให้ตรวจสอบสิทธิการได้รับเงินในโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” โดยระบบจะแสดงผลผู้มีสิทธิ์ เพื่อพร้อมรอรับการจ่ายเงินในวันที่ 27 มกราคม 2568 นี้ ส่วนกลุ่มที่อาจจะมีปัญหา เช่น ไม่ได้ผูกบัญชีธนาคารไว้กับเลขบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งสามารถทำได้เพียงธนาคารเดียว หรือกลุ่มที่มีแบล็คลิสต์ (Blacklist) กับธนาคารนั้นๆ หรือไม่มีการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคารจนบัญชีถูกปิดไปแล้ว กลุ่มเหล่านี้สามารถที่จะไปเปิดธนาคารใหม่ได้ และผูกกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน” นายจิรายุ กล่าว