รมว.ดีอี ชวนอุตสาหกรรมแห่งอนาคตลงทุนในไทย-พุ่งเป้ากลุ่มเทคโนโลยีชั้นสูง

รมว.ดีอี ชวนอุตสาหกรรมแห่งอนาคตลงทุนในไทย-พุ่งเป้ากลุ่มเทคโนโลยีชั้นสูง

รมว.ดีอี ชวนอุตสาหกรรมแห่งอนาคตลงทุนในไทย ย้ำยกระดับไทยศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล พุ่งเป้ากลุ่มเทคโนโลยีชั้นสูง

สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดงานสุดยิ่งใหญ่ DGT 2024 (Digital Governance Thailand 2024) ชูแนวคิด “Digital Momentum for the Future” ที่ไม่เพียงยกทัพพาร์ทเนอร์ภาครัฐ เอกชน รวมถึง Tech Company ชั้นนำของไทยและต่างประเทศ รวมกว่า 120 องค์กร

โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้พูดคุยกับ Service Provider เพื่อร่วมหารือแนวทางการสนับสนุนด้วยนโยบายรัฐบาลได้มีวิสัยทัศน์ที่ต้องการขับเคลื่อนไทยสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Hub) ซึ่งในงานจะมีทั้งเวทีแลกเปลี่ยนมุมมอง โชว์เคสนวัตกรรม พร้อมกิจกรรม Business Matching งานนี้จัดขึ้นสำหรับ SMEs หน่วยงานภาคธุรกิจ ภาครัฐที่ต้องการ Transform รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่สนใจอัปเดต เข้าร่วมฟรีวันนี้ - 30 พฤษภาคม 2567 ที่ พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน

นายประเสริฐ กล่าวว่า หนึ่งในวิสัยทัศน์ที่สำคัญของรัฐบาล คือ “IGNITE THAILAND จุดพลังรวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง ยกระดับประเทศไทย สู่ศูนย์กลาง เมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก” ที่มุ่งมั่นให้ไทยเป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล” (Digital Economy Hub) ที่ตั้งเป้าในการดึงอุตสาหกรรมแห่งอนาคตได้มาขยายธุรกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะเทคโนโลยี High Tech ต่างๆ ทั้งการลงทุนโรงงานผลิต Semiconductor, การตั้งศูนย์ Data Center รองรับ Cloud Computing, การวิจัยและนำ AI มาใช้งานในประเทศไทย 
 

รวมถึงการดึงบริษัท Deep Tech ให้เข้ามาอยู่ในประเทศไทย โดยถือว่าตอนนี้ไทยมีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน หรือ ASEAN Digital Hub และมี Tech Company ยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศหลายรายหันมาให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนด้านดิจิทัลในประเทศไทยจากการที่รัฐบาลจะมี Matching Fund ให้กับบริษัทที่มีศักยภาพ 

โดยที่ผ่านมากระทรวงดิจิทัลฯ ได้มีการดำเนินงานมีความเชื่อมโยงกับนโยบายของรัฐบาล ทั้งการสร้างรากฐานด้านความพร้อมดิจิทัลผ่านโครงการบริการระบบคลาวด์กลางภาครัฐและพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของประเทศ รวมทั้งผลักดันนโยบายการใช้บริการคลาวด์ภาครัฐ หรือ Cloud Frist Policy เพื่อให้เกิดบริการต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น บริการสำหรับระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ บริการสำหรับระบบงานขั้นสูง บริการสำหรับหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ บริการสำหรับการจัดเก็บข้อมูลสำคัญของหน่วยงาน 
 

พร้อมทั้งร่วมมือกับผู้ให้บริการภาคเอกชนในการฝึกอบรมบุคลากรภาครัฐให้มีความเชี่ยวชาญพร้อมขับเคลื่อนการบูรณาการข้อมูลภาครัฐและจัดทำข้อมูลแบบเปิด นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำเทคโนโลยี AI ไปต่อยอด ผ่านนโยบาย “AI Agenda” ทั้งพัฒนาโครงสร้าง AI การเตรียมพร้อมสำหรับจริยธรรม การกำกับดูแล และการคำนึงถึงมาตรฐานที่เกี่ยวข้องผ่านการทำงานกับหน่วยงานทั้งในไทยและต่างประเทศ พร้อมกับการผลักดันการใช้ Digital ID เพื่อให้กระบวนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลที่ผนวกกับการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐ

นอกจากนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการดำเนินงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเต็มที่ ผ่านศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ (1212 ETDA) ตลอด 24 ชม, สายด่วน AOC 1441 ที่มี One Stop Service สามารถระงับ และอายัดบัญชีได้ภายใน 1 ชม. รวมถึงการมีกฎหมายที่ช่วยในการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital Platform Services หรือ DPS) ที่ ETDA ได้เข้ามากำกับดูแล ซึ่งทำให้เกิดการดำเนินงานที่มีความชัดเจน ภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

“ดังนั้น การจัดงาน DGT 2024 ครั้งนี้ ที่ผลักดันโดย ETDA ร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งรัฐและเอกชน ถือว่าเป็นการร่วมจุดประกายในการขยายความร่วมมือ เพื่อให้เกิดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศที่ดียิ่งขึ้น และยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ตลอดจนยังส่งผลต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลได้อย่างยั่งยืนต่อไป”