“แสงสีเขียว” ที่เขาพะเนินทุ่ง ไม่ใช่แสงออโรรา

“แสงสีเขียว” ที่เขาพะเนินทุ่ง ไม่ใช่แสงออโรรา

ตามที่มีการเผยแพร่ภาพถ่ายแสงประหลาดสีเขียว ที่เขาพะเนินทุ่ง และแชร์กันในโซเชียลมีเดียกันเป็นจำนวนมาก รวมถึงบางคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็น แสงออโรรา ใช่หรือไม่

NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ชี้แจงผ่านเพจเฟซบุ๊ค โดย ดร.มติพล ตั้งมติธรรม นักวิชาการดาราศาสตร์ของสถาบันฯ ว่า "แสงสีเขียว"ที่ปรากฏนั้นตอบได้อย่างชัดเจนเลยว่า "ไม่ใช่แสงออโรรา" อย่างแน่นอน ซึ่งในกรณีนี้สามารถเปรียบเทียบกับภาพถ่ายออโรรา จากรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา จะเห็นความแตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน

  • แสงออโรราคืออะไร?

แสงออโรรา คือปรากฏการณ์ที่เกิดจากอนุภาคจากลมสุริยะ ปะทะเข้ากับชั้นบรรยากาศด้านบนของโลก ทำให้เปล่งเป็นแสงเรืองออกมา มักเกิดขึ้นที่ระดับความสูง 90-150 กม. จากพื้น

แต่โดยปกติแล้วนั้น สนามแม่เหล็กของโลกจะคอยเบี่ยงทิศทางของอนุภาคจากลมสุริยะออกไป ทำให้อนุภาคเหล่านี้เบี่ยงอ้อมโลกไปโดยไม่เกิดการปะทะ แต่ในบริเวณที่ใกล้ขั้วแม่เหล็กโลกนั้น จะเป็นบริเวณที่อนุภาคสามารถทะลุเข้ามายังชั้นบรรยากาศด้านบนของโลกได้ จึงทำให้แสงออโรรานั้นจะสังเกตเห็นได้มากกว่าในช่วงแถบละติจูดสูง หรือบริเวณใกล้กับขั้วแม่เหล็กของโลก

ในบางครั้ง อนุภาคมีประจุจำนวนมากจากพายุสุริยะที่แรงมากๆ จะทำให้สนามแม่เหล็กของโลกนั้นเบี่ยงออกไปมากขึ้น จึงอาจทำให้เกิดปรากฏการณ์ออโรราในบริเวณที่ละติจูดต่ำกว่าปกติที่สามารถพบได้

ในบางครั้งเคยมีรายงานที่สามารถพบได้ถึงบริเวณละติจูด 35 องศาเหนือ อย่างไรก็ตามประเทศไทยนั้นมีตำแหน่งละติจูดที่ไกลจากขั้วแม่เหล็กโลกเกินไป จึงไม่เคยมีปรากฏในประวัติศาสตร์ว่าสามารถพบแสงออโรราได้ในบริเวณประเทศไทย

  • แหล่งกำเนิดแสงที่เขาพะเนินทุ่ง มาจากบนพื้นอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่สิ่งที่ทำให้กรณีนี้ชัดเจนที่สุดว่าไม่ใช่แสงออโรรา สืบเนื่องมาจากว่าในภาพนี้ถ่ายติดดาวพื้นหลังมาด้วย

“แสงสีเขียว” ที่เขาพะเนินทุ่ง ไม่ใช่แสงออโรรา

ซึ่งหากเราสังเกตดูภาพแสงออโรรา ในบริเวณที่แสงไม่ได้เข้มมาก เราจะเห็นได้ว่าแสงของดาวยังคงทะลุมาได้อยู่ เนื่องจากออโรรานั้นเป็นการส่องสว่างที่เกิดขึ้นบนชั้นบรรยากาศของโลก ซึ่งไม่ได้ทึบแสง จึงทำให้แสงดาวเบื้องหลังสามารถทะลุผ่านได้ แม้ว่าจะมีแสงสีเขียวมาแทรกด้วยก็ตาม

แต่ในกรณีของภาพถ่ายที่เขาพะเนินทุ่ง เห็นได้ชัดเจนว่าบริเวณที่มีแสงสีเขียวนั้น ไม่สามารถสังเกตเห็นแสงดาวได้ในกรณีใดทั้งสิ้น ราวกับว่ามีวัตถุทึบแสงมาบดบังแสงดาวอยู่

ที่เป็นเช่นนี้ ก็น่าจะเป็นเพราะว่าในบริเวณนั้นเป็นบริเวณที่มีเมฆมาบดบังอยู่ จึงทำให้ไม่สามารถเห็นแสงดาวได้ หากเราพิจารณาว่าแสงออโรรานั้นเกิดขึ้นสูงกว่าเมฆไปนับร้อยกิโลเมตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่แสงออโรราที่สูงกว่า จะสามารถสะท้อนด้านใต้ของเมฆได้

“แสงสีเขียว” ที่เขาพะเนินทุ่ง ไม่ใช่แสงออโรรา

ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ย่อมที่จะหมายความว่า ต้นกำเนิดของแสงที่สะท้อนไปบนเมฆได้นั้น ย่อมที่จะต้องมีแหล่งกำเนิดอยู่บนพื้นโลก ซึ่งก็น่าจะเป็นแสงจากเรือไดหมึก หรือว่าแสงไฟบางอย่างที่มนุษย์สร้างขึ้นที่มีแสงสีเขียว

สาเหตุที่เรือไดหมึกนั้นมักจะใช้แสงสีเขียว เนื่องจากต้องการแหล่งกำเนิดแสงในการล่อให้หมึกมาติดกับ ซึ่งแสงสีเขียวนั้นอยู่ในช่วงความยาวคลื่นที่หมึกสามารถมองเห็นได้

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าประเทศอื่นส่วนมากของโลกนั้นก็มีการใช้แสงล่อหมึกเช่นกัน แต่ส่วนมากนั้นมักจะใช้แต่แสงสีขาว เป็นไปได้ว่าสีเขียวนั้นอาจจะไม่ได้สามารถล่อหมึกได้ดีกว่าอย่างมีนัยสำคัญ แต่เป็นสิ่งที่ชาวประมงไทยทำตามๆ กันมา

ประเทศที่ใช้แสงสีเขียวนั้นจะพบได้มากเฉพาะในบริเวณอ่าวไทย มากเสียจนนักบินอวกาศจากสถานีอวกาศนานาชาติเคยรายงานถึงแสงสีเขียวปริศนาที่ส่องออกมาจากอ่าวไทย ซึ่งแท้จริงแล้วก็มาจากเรือไดหมึกเป็นจำนวนมากของชาวประมงนั่นเอง