"บิ๊กต่อ"ยัน วิสามัญ มือยิงตำรวจ เป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ใช่แก้แค้น

"บิ๊กต่อ"ยัน วิสามัญ มือยิงตำรวจ เป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ใช่แก้แค้น

"บิ๊กต่อ"ลงพื้นที่ตรวจเหตตุวิสามัญฯ มือยิงตำรวจ เป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ใช่แก้แค้น เพราะตำรวจก็อยากได้ตัวเป็นๆ เพื่อสอบขยายผลถึงผู้บงการ

วันที่ 8 กันยายน 2566 ความคืบหน้ากรณีตำรวจชุดเฉพาะกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เดินทางลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี หลังสืบทราบมาว่า นายธนัญชัย หรือ หน่อง หมั่นมาก อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาคดียิงตำรวจทางหลวงเสียชีวิต เหตุเกิดในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม แล้วหลบหนีเข้ามากบดานอยู่ใน อ.ท่ามะกา จงกาญจนบุรี กระทั่งเวลาประมาณ 03.30 น. ตำรวจได้รับเบาะแสจากชาวบ้านว่าพบรถยนต์กระบะต้องสงสัย ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน ขับวนเวียนอยู่ในพื้นที่ใกล้กับโรงเจร้าง หมู่ 6 ต.อุโลกสี่หมื่น อ.ท่ามะกา ต่อมาเวลาประมาณ 05.30 น. ตำรวจได้เบาะแสว่านายหน่อง ขับรถไปจอดนอนอยู่ในบริเวณโรงเจร้าง จึงติดตามไปตรวจสอบ และพบรถยนต์กระบะ 4 ประตู สีขาว ยี่ห้อฟอร์ด ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดอยู่ปากทางเข้าโรงเจร้าง แต่ยังไม่ทันจะลงไปตรวจสอบ ก็ถูกนายหน่องใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงใส่รถของตำรวจ กระสุนถูกเข้าที่ประตูหน้าฝั่งคนขับ 2 นัด ทางตำรวจ 4 นาย ที่อยู่บนรถจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงสวนไปหลายนัด กระสุนถูกร่างของนายหน่องเข้าที่หน้าอกด้านซ้ายและขวา ข้างละ 1 นัด และที่ลำคออีก 1 นัด รวม 3 นัด ล้มลงเสียชีวิตด้านข้างรถ โดยมือขวายังกำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุไว้แน่น

จากนั้นเมื่อเวลา 08.45 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตนเอง โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นเหตุสุดวิสัย ที่ทางตำรวจถูกคนร้ายยิงเข้าใส่ก่อน จึงต้องยิงสวนไปเพื่อป้องกันตัว ทำให้คนร้ายถูกกระสุนปืนจนเสียชีวิต ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการตั้งใจวิสามัญเพื่อแก้แค้นแต่อย่างใด ตอนนี้ก็มี พรบ.อุ้มหายแล้ว  การวิสามัญฯ ถือเป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆ  ซึ่งตนเองได้ให้นโยบายกับตำรวจชุดติดตามจับกุมไว้แล้วว่า หากสามารถจับตัวนายหน่อง ได้แบบเป็นๆ ก็จะได้นำมาสอบสวนขยายผลไปถึงผู้บงการได้ แต่หากเกิดเหตุสุดวิสัย อันตรายจะถึงตัว ก็อนุญาตให้ใช้ยุทธวิธีขั้นเด็ดขาดได้ อย่างไรก็ตามในรายละเอียดของเหตุการณ์นั้นอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนและชันสูตรพลิกศพของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

ส่วนกรณีที่ในวันเกิดเหตุมีตำรวจอยู่ในงานเลี้ยงที่เกิดเหตุหลายราย แต่กลับไม่มีการเข้าจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ และปล่อยให้ผู้ก่อเหตุหลบหนีไปได้ ขณะนี้ได้มีการเรียกตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่อยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดเหตุเข้ามาให้ปากคำอย่างละเอียด พร้อมตั้งกรรมการสอบแล้ว 

ในเวลาต่อมา ภรรยาของนายหน่อง ได้เดินทางลงมายังบริเวณจุดเกิดเหตุวิสามัญ เพื่อขอเข้าไปดูศพของสามี โดยภรรยาของนายหน่องให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า หลังเกิดเหตุได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อหานายหน่อง เพื่อเกลี่ยกล่อมให้เข้ามอบตัวกับตำรวจหลายครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาจึงได้ข่าวจากทางตำรวจว่านายหน่องถูกวิสามัญฆาตกรรมในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ตนเองเดินทางมาดูศพ ส่วนตัวนายหน่องมีนิสัยเป็นคนใจร้อน วู่วาม จึงอาจจะเป็นสาเหตุที่ตัดสินใจลงมือในครั้งนี้

สำหรับศพของ นายหน่อง ทางตำรวจได้มอบหมายให้อาสาสมัครมูลนิธิขุนรัตนาวุธ นำส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ กรุงเทพมหานคร เพื่อชันสูตรอย่างละเอียดต่อไป