'สงกรานต์ 2566' การรถไฟฯ เพิ่มขบวนรถเสริมพิเศษ เส้นทางสายเหนือ-อีสาน

'สงกรานต์ 2566' การรถไฟฯ เพิ่มขบวนรถเสริมพิเศษ เส้นทางสายเหนือ-อีสาน

การรถไฟฯ เพิ่มขบวนรถเสริมพิเศษ 10 ขบวน เส้นทางสายเหนือ-ตะวันออกเฉียงเหนือ รองรับการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ สูงสุด 1 แสนคนต่อวัน เริ่มเปิดจำหน่ายตั๋ว 24 มีนาคม นี้

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2566 นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศให้มีวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 ทำให้คาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะมีประชาชนและนักท่องเที่ยว ใช้บริการเดินทางด้วยรถไฟเป็นจำนวนมาก นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงได้สั่งการให้จัดเตรียมมาตรการอำนวยความสะดวกรองรับการเดินทางของพี่น้องประชาชน 

พร้อมกับเพิ่มการให้บริการขบวนรถเสริมพิเศษช่วงเทศกาลสงกรานต์อีก 10 ขบวน เพื่อให้เพียงพอต่อการเดินทาง หลังจากตั๋วโดยสารขบวนรถประจำได้ถูกจองเต็มหมดทุกชั้นทุกขบวน 

ทั้งนี้ การเพิ่มขบวนรถเสริมพิเศษไป-กลับ 10 ขบวน ประกอบด้วย เส้นทางสายเหนือ 5 ขบวน และสายตะวันออกเฉียงเหนือ 5 ขบวน รองรับผู้โดยสารได้เพิ่มวันละ 8,000 คน 

แบ่งเป็นเที่ยวไป วันที่ 11 – 12 เมษายน 2566 จำนวน 5 ขบวน และเที่ยวกลับวันที่ 16 – 17 เมษายน 2566 จำนวน 5 ขบวน 

โดยจะเปิดให้สำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2566 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ผ่านระบบ D-Ticket หรือจองผ่านสถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ 

เที่ยวไป

วันที่ 11 เมษายน  2566 จำนวน 1 ขบวน

1. ขบวนรถที่ 977 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – อุบลราชธานี ออกจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เวลา 22.05 น. ถึงเวลา 08.10 น.

วันที่ 12 เมษายน 2566 จำนวน 4 ขบวน

1. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 5 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่  ออกจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เวลา 19.45 น. ถึงเวลา 08.10 น.

2. ขบวนรถที่ 955 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – ศิลาอาสน์ ออกจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เวลา 22.50 น. ถึงเวลา 07.00 น.

3. ขบวนรถที่ 967 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – อุดรธานี ออกจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เวลา 21.45 น. ถึงเวลา 07.40 น.

4. ขบวนรถที่ 977 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – อุบลราชธานี ออกจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เวลา 22.05 น. ถึงเวลา 08.10 น.

'สงกรานต์ 2566' การรถไฟฯ เพิ่มขบวนรถเสริมพิเศษ เส้นทางสายเหนือ-อีสาน
 

เที่ยวกลับ

วันที่ 16 เมษายน 2566 จำนวน 2 ขบวน

1. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 6 เชียงใหม่ – สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ออกจากเชียงใหม่ เวลา 18.55 น. ถึงเวลา 07.35 น.

2. ขบวนรถที่ 934 อุบลราชธานี – สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ออกจากอุบลราชธานี เวลา 19.30 น. ถึงเวลา 06.30 น.

วันที่ 17 เมษายน 2566 จำนวน 3 ขบวน

1. ขบวนรถที่ 934 อุบลราชธานี – สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ออกจากอุบลราชธานี เวลา 19.30 น. ถึงเวลา 06.30 น.

2. ขบวนรถที่ 962 ศิลาอาสน์ – สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ออกจากศิลาอาสน์ เวลา 19.40 น. ถึงเวลา 03.40 น.

3. ขบวนรถที่ 936 อุดรธานี – สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ออกจากอุดรธานี เวลา 21.45 น. ถึงเวลา 07.50 น.

'สงกรานต์ 2566' การรถไฟฯ เพิ่มขบวนรถเสริมพิเศษ เส้นทางสายเหนือ-อีสาน

ขณะเดียวกัน การรถไฟฯ ขอแจ้งงดให้บริการขบวนรถนำเที่ยว จำนวน 4 ขบวน ได้แก่ ขบวนที่ 909/910 กรุงเทพ-น้ำตก-กรุงเทพ และขบวนที่ 911/912 กรุงเทพ-สวนสนประดิพัทธ์-กรุงเทพ ในวันที่ 13-17 เมษายน 2566 ซึ่งเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อนำรถพ่วงมาหมุนเวียนใช้งานกับขบวนรถพิเศษในช่วงเทศกาลสงกรานต์

นายเอกรัช กล่าวต่อว่า การรถไฟฯ ยังได้มีการพ่วงตู้โดยสารในขบวนรถประจำ 222 ขบวน ให้เต็มกำลังหน่วยลากจูง พร้อมกับเร่งรัดการซ่อมบำรุงรถโดยสารเพื่อนำออกมาให้บริการเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้ระหว่างวันที่ 11 -17 เมษายน 2566 การรถไฟฯ จะสามารถรองรับการเดินทางของผู้โดยสารได้สูงสุด 100,000 คนต่อวัน เพียงพอต่อการเดินทาง และไม่มีผู้โดยสารตกค้างอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังได้เตรียมความพร้อมในการให้บริการเดินรถ และมาตรการดูแลความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชน รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 ทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค เพื่ออำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัยการเดินทางแก่ประชาชน ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2566 เป็นต้นไป 

พร้อมเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ สารเสพติดของพนักงานขับรถ เจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถและประจำสถานีก่อนปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงห้ามจำหน่าย/ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนขบวนรถ และบริเวณสถานีรถไฟ ตลอดจนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด–19 ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงคมนาคม 

โดยกำหนดจุดคัดกรองวัดไข้ผู้โดยสารก่อนเข้าในพื้นที่ การตั้งจุดให้บริการแอลกอฮอล์ล้างมือ และให้พนักงานสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดการปฏิบัติงาน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19