PrimeStreet Capital เตรียมบินไปร่วมแชร์ไอเดียบนเวที AMEXCAP SUMMIT 2023 ที่เม็กซิโก

PrimeStreet Capital เตรียมบินไปร่วมแชร์ไอเดียบนเวที AMEXCAP SUMMIT 2023 ที่เม็กซิโก

PrimeStreet Capital ผู้บริหารกองทุนสัญชาติไทย เตรียมบินลัดฟ้าขึ้นเวที AMEXCAP SUMMIT 2023 ที่เม็กซิโก เพื่อร่วมแชร์มุมมอง โอกาส และความท้าทายด้านการลงทุน ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน

PrimeStreet Capital ผู้บริหารกองทุน global private equity สัญชาติไทย ปัจจุบันดูแลวงเงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท เตรียมบินลัดฟ้าไปร่วมแชร์ไอเดียในงาน AMEXCAP SUMMIT 2023 ซึ่งเป็นการประชุมสุดยอดด้านการลงทุนใน Private Equity และ Venture Capital ประจำปี 2566 ที่รวมทัพนักลงทุนระดับ World Class พร้อมเจ้าของธุรกิจและผู้บริหารระดับแถวหน้าทั้งภาครัฐและเอกชนจากทั่วทุกมุมโลก ณ เม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก ก่อนเดินสายพบพันธมิตรและบริษัทร่วมลงทุนในสหรัฐอเมริกา พร้อมร่วม Ring the bell เข้าเทรดวันแรกในตลาดหุ้น Nasdaq ของ ZAPP หนึ่งในบริษัทร่วมลงทุน ตอกย้ำความสำเร็จการบริหารกองทุน  

นายศุภวัฒก์ ชลวณิช ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วน PrimeStreet Capital ซึ่งมีสำนักงานทั้งในไทยและสหรัฐอเมริกา บริษัทในเครือ PrimeStreet Group เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเข้าร่วมงาน AMEXCAP SUMMIT 2023 ณ เม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก ระหว่างวันที่ 28 - 29 มีนาคม 2566 โดย PrimeStreet Capital เป็นหนึ่งในผู้บริหารกองทุนเพียงไม่กี่รายจากฝั่งเอเชียที่ได้รับเชิญเป็นผู้บรรยาย (Speakers) บนเวทีเสวนาถึงโอกาสของการลงทุน ความสำคัญของระบบนิเวศ หรือ Ecosystem ที่สนับสนุนให้กิจการเติบโตอย่างมั่นคงและความท้าทายภายใต้สภาวะเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน ท่ามกลางนักลงทุน เจ้าของธุรกิจ และผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชนจากทั่วทุกมุมโลกที่เข้าร่วมงานครั้งนี้อย่างคับคั่ง   

PrimeStreet Capital เตรียมบินไปร่วมแชร์ไอเดียบนเวที AMEXCAP SUMMIT 2023 ที่เม็กซิโก

นายศุภวัฒก์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน เม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก มีระบบ Ecosystem ที่เอื้อต่อการบ่มเพาะสตาร์ทอัพเป็นอย่างมาก นับเป็นอีกแลนด์มาร์กสำคัญของธุรกิจเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพในโซนทวีปอเมริกาใต้ โดยในแต่ละปีมีกิจการที่สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็นจำนวนมาก กลายเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลจากทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมา PrimeStreet Capital ได้มีการเข้าไปลงทุนใน "Clip" ยูนิคอร์นด้าน FinTech ผู้พัฒนา payment process สนับสนุนให้ระบบเศรษฐกิจในประเทศเม็กซิโก ก้าวไปสู่ non-cash economy ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย กลายเป็นผู้นำด้านระบบการชำระเงินดิจิทัลและแพลตฟอร์มการค้าในโลกเศรษฐกิจยุคใหม่ ปัจจุบัน Clip เติบโตมีมูลค่าบริษัทรวมมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

"PrimeStreet Capital ยังได้เข้าลงทุนใน ZAPP ผู้คิดค้นออกแบบและพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง สตาร์ทอัพสัญชาติอังกฤษ ซึ่งจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหุ้น Nasdaq ด้วยมูลค่าบริษัทรวมกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนเมษายน 2566 โดย PrimeStreet Capital จะร่วมขึ้นโพเดียมเพื่อ Ring the bell การเริ่มซื้อขายในตลาดหุ้น เป็นการตอกย้ำอีกขั้นถึงความสำเร็จในการบริหารการลงทุนของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี" นายศุภวัฒก์ กล่าว

นายศุภวัฒก์ กล่าวต่อไปอีกว่า นอกจากนี้ PrimeStreet Capital ยังเดินสายพบปะพันธมิตรด้านการลงทุน บริษัทร่วมลงทุน และบริษัทเป้าหมายที่จะประเมินการลงทุน ทั้งในประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา ตลอดจนพูดคุยกับผู้สนใจด้านการลงทุนในทุกระดับ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง ความคิดเห็น และขยายโอกาสต่อยอดการเติบโตทางธุรกิจไปอีกขั้น  

PrimeStreet Capital บริหารกองทุนด้วยผู้บริหารและทีมงานที่เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ ภายใต้แนวนโยบายการลงทุนที่สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและเกิดผลเชิงบวกในวงกว้าง โดยเฉพาะบริษัทที่มีแนวคิดมุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลง เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาความท้าทายของเศรษฐกิจและสังคมในยุคศตวรรษที่ 21 ภายใต้กระบวนการลงทุนเชิงรุก "Active Approach" เพื่อเข้าช่วยเหลือและแบ่งปันประสบการณ์ด้านกลยุทธ์องค์กร การดำเนินงาน และการจัดการทางการเงิน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพ อันจะนำไปสู่การเติบโตที่แข็งแกร่งและสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืน กระบวนการลงทุนเชิงรุกเป็นการผสมผสานความเชี่ยวชาญด้าน Investment Banking และ Management Consulting จากอีก 2 บริษัทในเครือ PrimeStreet Group ภายใต้การดูแลของนายรีวิน เพทายบรรลือ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ

ปัจจุบัน PrimeStreet Capital มีกองทุนภายใต้การดูแลทั้งหมด 3 กองทุน ประกอบด้วย  

  1. กองทุนอาร์พี เวนเจอร์ อัลไลแอนซ์ I (RP Venture Alliance Fund I) กองทุน VC ขนาด 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีนโยบายมุ่งเน้นลงทุนในสตาร์ทอัพที่สอดรับกับเมกะเทรนด์ มีแนวโน้มการเติบโตในอัตราสูง มีความสามารถในการแก้ปัญหาและสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากร สุขภาพ และการดูแลสุขภาพ การพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต รวมถึงเทคโนโลยีที่นำไปสู่การปฏิรูปเพื่อยกระดับและพัฒนาเศรษฐกิจโลกให้ดียิ่งขึ้น  
  2. กองทุนอาร์พี โกรท อัลไลแอนซ์ I (RP Growth Alliance Fund I) กองทุน Private Equity ขนาด 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีนโยบายมุ่งเน้นลงทุนในกิจการ SMEs ขนาดกลางไปจนถึงกิจการที่เตรียมการก่อนการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกที่เติบโตตามเมกะเทรนด์ มีการดำเนินการและให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากร สุขภาพและการดูแลสุขภาพ รวมถึงเทคโนโลยีที่นำไปสู่การปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคม และไลฟ์สไตล์หลังยุคโควิด
  3. กองทุนอาร์พี เรียลเอสเตท อัลไลแอนซ์ I (RP Real Estate Alliance Fund I) ขนาดกองทุน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มุ่งเน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูง อาทิ โรงแรม ธุรกิจการค้า ที่พักอาศัย และที่ดิน รวมไปถึง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลหลังโควิด