ผู้พันเบิร์ด โชว์ตุ๊กตาของขวัญแรกเกิดจาก "ป๋าเปรม" เผย บิดา อดีตลูกน้องป๋า

ผู้พันเบิร์ด โชว์ตุ๊กตาของขวัญแรกเกิดจาก "ป๋าเปรม" เผย บิดา อดีตลูกน้องป๋า

"พ.อ.อรัญ" บิดา "ผู้พันเบิร์ด" เล่าอดีต เคยเป็นลูกน้อง พล.อ.เปรม เผยท่านเป็นทหารที่มีความจำดี แม่นยำ และให้ตุ๊กตาเป็นของขวัญ ผู้พันเบิร์ดแรกเกิด

28 ส.ค.2565 พันเอก วันชนะ สวัสดี  รองโฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความรู้สึก ถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่า  เมื่อได้ยินข่าวการพาป๋าหลบบ้านครั้งนี้แล้วทำให้ย้อนคิดถึงป๋า พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อครั้งที่เคยเป็นหัวหน้าของบิดาตน เรื่องราวที่บิดาเคยเล่าให้ฟังตอนยังเด็กๆ วันนี้เลยมาให้บิดาเล่าให้ฟังอีกครั้ง
 
พันเอก อรัญ สวัสดี ปัจจุบัน อายุ 85ปี เล่าด้วยความจำที่แม่นยำ แม้ช่องทางเดินที่พ่อเคยเดินไปหาท่าน พ่อก็ยังอธิบายได้เห็นภาพชัดเจน พ่อยังบอกอีกว่า เสียดายตอนที่ป๋าเป็นองคมนตรี พ่อไม่ได้ไปหาป๋าเลย ป๋าเสียเร็วไปหน่อย ผมนึกในใจว่า ไม่เร็วหลอกพ่อ ป๋าเสียตั้งอายุ 99 ปี พ่อเล่าต่อว่า ตอนป๋าพันเอก ตอนนั้นพ่อมียศ ส.ท. เป็นครูวิชาอาวุธ ที่ รร. ยานเกราะ บางกระบือ ส่วน ป๋าเป็น รอง ผู้บัญชาการ รร.ยานเกราะ เวลาพ่อสอนหนังสือ ก็จะมีการถ่ายทอดเสียงครูไปที่ห้อง รอง ผบ. ด้วย ป๋าจึงได้ยินเสียงพ่อผมเป็นประจำ เรียกได้ว่า ได้ยินเสียงก็จำหน้าได้ และเมื่อ รร.ยานเกราะไปรวมกับ ศูนย์การทหารม้า ก็ย้ายไปอยู่ที่ สระบุรี พ่อผมก็ย้ายไปสระบุรีส่วนป๋าก็เป็น ผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า ซึ่งตอนนั้น พ่อผมก็เป็น จ.ส.อ. แล้ว นอกจากได้ยินเสียงก็จำหน้าได้ แต่พ่อผมก็ได้สร้างวีรกรรมที่กวนใจป๋าอยู่เสมอ 

ตอนอยู่ที่ ศูนย์การทหารม้า พ่อผมกวนใจป๋าเรื่อง การไปรบที่เวียดนาม ซึ่งต้องผ่านการฝึกถึง 3หลักสูตร คือ 1รองผู้บังคับหมวด 2กระโดดร่ม 3 จู่โจม ซึ่งพ่อผมเรียนผ่านมาแล้วแต่ปรากฏว่ามีการแทรกรายชื่อแทนกลุ่มทหารม้าที่สระบุรี ซึ่งพ่อผมก็เข้าพบป๋าเพื่อนบอกเรื่องนี้ ทำให้เดือดร้อนไปถึง เสธ ศม.ที่ต้องเดินทางไปสืบความจริง ไปมาหลายรอบจนสร้างความรำคาญใจให้ป๋าและฝ่ายเสธของป๋า

 มาถึงตอนนี้ผมว่าไม่ใช่แค่ป๋าที่จำพ่อผมขึ้นใจ แต่เป็นนายทหารฝ่ายเสธอีกหลายท่านก็จำได้ด้วย จนสุดท้ายพ่อผมและอีกหลายคนก็ได้ไปรบที่เวียดนามตามสิทธิ์ที่ควรจะได้ตั้งแต่ต้น การที่พ่อได้ไปรบครั้งนี้เพราะเมื่อจบศึกเวียดนาม พ่อก็จะได้ติดร้อยตรี พ่อผมยังกวนใจต่อด้วยการถามป๋าว่า แล้วถ้าเขายกเลิกการไปรบที่เวียดนามพวกผมก็อดไปสิครับ ป๋าเลยบอกว่า ถ้าเป็นแบบนั้นก็ถือว่าดวงพวกเธอจะไม่ได้ไป ฉันช่วยอะไรไม่ได้แต่ป๋าบอกทิ้งท้ายด้วยว่า ถ้าฉันยังอยู่พวกแกก็จะได้เป็นนายทหารแน่นอน 

การกวนใจป๋ายังไม่จบครับ คุณพ่อผมเป็นเด็กวัด อาศัยอยู่ บางกระบือ มีท่านพลโท บุญสนั่น นำมาเลี้ยงดูให้อยู่กินที่บ้าน ส่วนป๋าก็เป็นผู้บังคับบัญชา ตอนที่พ่อผมแต่งงาน ก็เกิดลังเลไม่รู้ว่าจะเชิญใครเป็นประธานพิธีดี แต่คิดว่า ต้องเป็น พลโท บุญสนั่น เพราะเป็นคนเลี้ยงดูพ่อ จึงเชิญท่านเป็นประธาน เมื่องานแต่งผ่านไปแล้ว ป๋าถามว่า ทำไมไม่เชิญฉันไปเป็นประธานงานแต่งหล่ะ พ่อเล่าว่า พ่อก็ต้องโกหกไปว่า ผมมาหาท่านถึง3ครั้งแต่ท่านไม่อยู่ ผมเลยต้องเชิญ พลโท บุญสนั่นเป็นประธานครับ ท่านก็ให้ผ้าแพรปูเตียงมา1ผืน หลังจากนั้นท่านได้ข่าวว่า พ่อผมมีลูก ซึ่งก็คือผม ท่านจึงถามพ่อผมว่า ลูกคลอกแล้วใช่ไหม เมื่อไหร่หล่ะ พ่อตอบไปว่า คลอดวันเดียวเดียวกับนายครับ 26 ส.ค. ท่านก็หัวเราะ แล้วก็เอาของขวัญให้มาเป็นตุ๊กตาและของใช้สำหรับเด็ก ตุ็กตาตัวนั้นผมยังเก็บไว้จนถึงทุกวันนี้เลยครับ 

ครั้งหนึ่งตอนผมเป็นผู้พันที่ รร.จปร. เมื่อถึงวันสงกรานต์ บรรดาเหล่าทหารม้าจะเข้าพบป๋าและรดน้ำสงกรานต์ขอพรจากป๋า วันนั้นมีคนเข้าพบมากมาย ทั้งนายก ผู้นำเหล่าทัพ อดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่มากมาย พอถึงตอนผมเข้าไปรดน้ำขอพรจากท่าน นายทหารที่คอยบอกชื่อ นามสกุลคนเข้ารดน้ำขอพร บอกชื่อนามสกุลผม ผมนุ่งลงแล้วรดน้ำป๋า ป๋าพูดขึ้นว่า พ่อสบายดีไหม ผมเงยหน้าขึ้นแบบงงๆ ป๋าพูดย้ำอีกครั้งว่า อรัญ สบายดีไหม เธอลูก อรัญใช่ไหม ผมตอบป๋าไปว่า ใช่ครับ คุณพ่อสบายดีครับ  นี่เป็นเครื่องยินยัน2ประการคือ ป๋าจำคนแม่นมาก และป๋าจำพ่อผมได้และคอยติดตามความเป็นมาเป็นไปของลูกน้องเก่าๆ อยู่เสมอ จนถึงวันนี้เมื่อพ่อเล่าเรื่องเก่าๆเกี่ยวกับป๋า พ่อก็หัวเราะมีความสุข ความสุขที่ผมรู้สึกได้ว่าเป็นความรักและเคารพต่อป๋าอย่างจริงใจแบบลูกน้องที่รักเคารพป๋าอย่างสุดใจ แววตาพ่อเต็มไปด้วยเรื่องราว และมีความสุข เอาไว้ต้องให้พ่อเล่าเรื่องเก่าๆอีก เพราะผมรู้สึกว่ามันทำให้พ่อดูหนุ่มขึ้นตอนเล่าความหลังตอนรับราชการทหาร