นราธิวาส ผลักดันส่งออกทุเรียนสู่ตลาดต่างประเทศ แก้ปัญหาทุเรียนราคาถูก

อบจ.นราธิวาส ผลักดันส่งออกทุเรียนสู่ตลาดต่างประเทศ แก้ปัญหาทุเรียนราคาถูก นำรายได้เข้าประเทศกว่า 65 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 65 ที่บริเวณตลาดกลางการเกษตรเพื่อการส่งออกจังหวัดภาคใต้ชายแดน ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส นางพาตีเมาะ สะดียามู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งออกทุเรียนสู่ตลาดต่างประเทศ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2565 โดยมีนายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส นายมูหามัดรอซากี เจ๊ะอูเซ็ง เลขาธิการสมาคมการค้าเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายแวฮามะ บากา หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรจังหวัดนราธิวาส นายสาราหุดิน อาบู ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส แขกผู้มีเกียรติ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

สำหรับโครงการส่งออกทุเรียนสู่ตลาดต่างประเทศ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2565 มีจุดเริ่มต้นจากการรับทราบปัญหาจากกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่จังหวัด นราธิวาส ในเรื่องการกระจายสินค้าผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาด อันเนื่องมากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ส่งผลกระทบภาคเศรษฐกิจในภาพรวมทำให้เกิดกำลังการซื้อขายที่ลดลง โดยปัจจุบันสถานการณ์ดังกล่าวได้คลี่คลายลง ภาครัฐได้ผ่อนคลาย มาตรการต่างๆ สนับสนุนและกระตุ้นภาคเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ การประสาน องค์กรหรือกลุ่มผู้ประกอบการเพื่อเข้ามารับซื้อทุเรียนและผลผลิตภาคการเกษตรจากกลุ่มเกษตรกร จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อให้ภาคธุรกิจได้มีการขับเคลื่อน เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ การรับซื้อทุเรียน และผลผลิตภาคการเกษตรในครั้งนี้ ได้มีการนำผลผลิตจากพื้นที่จังหวัด นราธิวาส และจังหวัดข้างเคียง ซึ่งในปีนี้ในพื้นที่ 3 จังหวัด มีผลผลิตทุเรียน จํานวนไม่มากนัก ประกอบกับปัญหาการกระจายสินค้าสู่ตลาด ทําให้ราคาสินค้ามีราคาถูก เกษตรกรมีรายได้ไม่ดีเท่าที่ควร
 

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาสและคณะกรรมการจัดโครงการฯ จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหา ได้ดำเนินการเป็น ตัวกลางประสานองค์กรและผู้ประกอบการจัดซื้อทุเรียนในพื้นที่เพื่อส่งออกไปตลาดต่างประเทศ แก้ปัญหาราคาทุเรียนราคาถูก คาดว่าสามารถส่งออก ทุเรียนได้ปริมาณวันละ 2 ตัน (1 ตู้บรรทุก) และคาดการณ์ว่าจะสามารถ ส่งออกผลผลิตรวมได้ไม่ต่ำกว่า 50 ตัน หรือจนกว่าจะหมดฤดูกาล หากคิดเป็นมูลค่าการส่งออก จะสามารถทำรายได้วันละประมาณ 6 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการ เกิดการส่งเสริมให้มีการจ้างงานเยาวชนและประชาชนในพื้นที่ต่อไป

ด้านนายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส เผยว่าทั้งนี้จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้เกษตรกรในพื้นที่ ประสบปัญหาจากสภาพคล่องทางภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ผลผลิตทางการเกษตรราคาถูก ปัญหาการกระจายผลผลิตสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรอย่างชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่ ภาครัฐต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือภาคเกษตรกร ซึ่งเป็นอาชีพหลักของประชาชนในพื้นที่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส จึงเห็นความสำคัญและ เข้ามาดำเนินการเป็นตัวกลางประสานองค์กรและผู้ประกอบการซื้อทุเรียนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสและพื้นที่ข้างเคียงเพื่อส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ

โดยวางเป้าหมาย 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งตอนนี้ราคาทุเรียนหมอนทอง เกรด A B และ C รับซื้อ กิโลกรัมละ 130 บาท แต่คาดว่าปีหน้าราคาจะสูงขึ้นกว่านี้ซึ่งผลผลิตน่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้โดยวันนี้ทางเราได้สนับสนุนประชาชนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส และประชาสัมพันธ์ทุเรียนหมอนทองของจังหวัดนราธิวาสเป็นที่ทราบกันดีว่ามีรสชาติดี เนื้อหวาน มัน และผลผลิตก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรในพื้นที่มีรายได้เพิ่มมากขึ้น มีการจ้างงานเยาวชนและประชาชนในพื้นที่ เกิดการกระจายรายได้อีกด้วย

ทางด้านนางพาตีเมาะ สะดียามู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ภายใต้การบริหารงานร่วมกันนั้น โดยจะต้องบริหารพื้นที่ให้เป็นศูนย์กลางการส่งออกโดยตรง โดยที่ไม่ต้องไปอาศัยจังหวัดอื่น เพราะฉะนั้นการสร้างพื้นที่ที่ได้มาตรฐานการรองรับการขนส่ง การลำเลียง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณภาพของผลผลิต โดยวันนี้เรามีผู้ประกอบการทุเรียนอย่างมีคุณภาพแล้วและระบบโลจิสติกส์ที่นำพาอย่างมีคุณภาพ เป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าสู่ตลาดต่างประเทศถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีเพื่อประชาชนได้มีรายได้อีกด้วย