จ้างช้างไถนา ค่าตัวเชือกละ 1.5 หมื่นบาท ต่อยอดแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

เปิดภาพหาชมยากช้างไถนาที่เหลือเพียง 2 เชือกในประเทศไทย ขณะที่ฮักช้างเชียงดาว เผยเป็นช้างที่คุ้นเคยการไถนามานับสิบปี แต่โควิดพ่นพิษตกงานไม่มีรายได้ จึงเข้าช่วยให้ค่าจ้างเชือกละ 15,000 บาทต่อเดือน พร้อมต่อยอดพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 65 นางสาววาสนา ทองสุข ผู้บริหารฮักช้างเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้พัฒนาพื้นที่ บริเวณตำบลบ้านถ้ำ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วิถีชีวิตของช้าง ภายใต้ชื่อว่า “ฮักช้างเชียงดาว” บนพื้นที่ทั้งหมด 30 ไร่ โดยได้แบ่งพื้นที่ 16 ไร่ให้เป็นพื้นที่ปลูกข้าวอินทรีย์ และใช้ช้าง 2 เชือกที่มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ตำบลนาเกียน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีความสามารถในการไถนาตามภูมิปัญญาของชาวกะเหรี่ยง และเป็นช้างไถนาที่เหลือเพียงชุดเดียวของประเทศไทย มาช่วยไถนาเปิดหน้าดินเตรียมให้ชาวนาลงแขกปักดำต้นกล้าปลูกข้าว 
 

สำหรับช้างทั้ง 2 เชือก ปกติจะมีความคุ้นเคยกับการไถนาที่อำเภออมก๋อยมาก่อน หลายสิบปีมาแล้ว  และในช่วงที่ไม่มีการทำนาข้าวก็จะไปทำงานในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ แต่เมื่อเจอกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ไม่มีนักท่องเที่ยวทำให้ตกงาน เจ้าของช้างไม่มีรายได้ในการเลี้ยงดู ทางฮักช้างเชียงดาว จึงได้จ้างงานให้ช้างมาช่วยไถนา เดือนละ 15,000 บาทต่อเชือก ไม่รวมค่าอาหาร และค่าจ้างควาญช้าง ซึ่งในครั้งนี้ เมื่อให้ช้างมาช่วยไถนา สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับชาวนาในพื้นที่ และนักท่องเที่ยว เพราะช้างทั้ง 2 เชือก เดินลากแอกไถนาอย่างคล่องแคล่ว โดยไม่ต้องใช้เครื่องจักร 

ที่สำคัญ ทางฮักช้างเชียงดาว มีการปลูกข้าวอินทรีย์ จึงมีความปลอดภัยต่อคน และช้าง ที่จะนำมาบริโภค และยังเป็นการโชว์ให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนกับช้างที่อยู่ร่วมกันมาเป็นเวลานาน ซึ่งคาดว่าในช่วงไฮซีซั่นของปีนี้้ จะเปิดให้นัักท่องเที่ยวได้เข้ามาชมช้างไถนาแห่งเดียวของประเทศไทย ได้มาร่วมกิจกรรมการปลูกข้าวกับช้าง,  อาบช้างให้ช้าง และทำสมุนไพรให้ช้าง รวมถึงยังจะมีโชว์ของควายไถนาที่ปัจจุบันนี้เริ่มจะหาดูวิถีชีวิตแบบนี้ได้ยากขึ้น โดยมีฉากหลังเป็นดอยหลวงเชียงดาวอีกด้วย