ชาวพุทธสองฝั่งโขงไทย-ลาว ทำบุญเวียนเทียนไหว้พระธาตุพนม

บุญเพ็ญเดือน 8 อาสาฬหบูชาศาสนิกชนสองฝั่งโขงไทย-ลาว ทำบุญเวียนเทียนไหว้พระธาตุพนม รวมถึงถวายเครื่องสักการะบูชา เพื่อเป็นสิริมงคล

เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 65 ซึ่งตรงกับวันอาสาฬหบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม สถานที่ประดิษฐานองค์พระธาตุพนมปฐมมหาเจดีย์แห่งภาคอีสาน ตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นต้นมา คึกคักไปด้วยพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย ชาวลาว และนักท่องเที่ยวต่างเดินทางมากราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง อายุเก่าแก่กว่า 2,500 ปี ภายในบรรจุพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมร่วมทำบุญเวียนเทียน รวมถึงถวายเครื่องสักการะบูชา เพื่อเป็นสิริมงคล เนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และเทศกาลวันเข้าพรรษา

โดยปีนี้ถือว่าคึกคักกว่าทุกปี เนื่องจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ติดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ทำให้ปิดพรมแดนไทยลาว รวมถึงมีการห้ามเดินทางข้ามจังหวัด ทำให้ประชาชน นักท่องเที่ยวลดลง แต่ภายหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย รวมถึงเปิดด่านชายแดนไทยลาว ทำให้มีประชาชน นักท่องเที่ยว กลับมาคึกคักอีกครั้ง ยิ่งในช่วงวันหยุดยาว ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยวชายแดน เงินหมุนเวียนสะพัด โรงแรม ที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร ถูกจับจองเต็มทุกที่

วันอาสาฬหบูชาหนึ่งในวันสำคัญของศาสนาพุทธ เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาเป็นครั้งแรก แก่ปัญจวัคคีย์ เรียกว่า ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร วันอาสาฬหบูชาตรงกับวันเพ็ญเดือน 8 และถือเป็นวันที่มีพระรัตนตรัยครบบริบูรณ์ คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์

ประวัติวันอาสาฬหบูชา เริ่มมีขึ้นในประเทศไทยเนื่องจากในปี พ.ศ.2501 คณะสังฆมนตรี ได้กำหนดให้วันดังกล่าวนี้เป็นหนึ่งในวันสำคัญทางพุทธศาสนา โดยมีความสำคัญเทียบเท่ากับวันวิสาขบูชา กำหนดระเบียบปฏิบัติในพิธีอาสาฬหบูชาขึ้นไว้ให้วัดทุกวัดถือปฏิบัติทั่วกัน เวลาเช้าและเวลาบ่ายมีการฟังธรรมเทศนา ส่วนเวลาค่ำภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา มาประชุมพร้อมกันที่หน้าพระอุโบสถ จุดธูปเทียนแล้วถือรวมกับดอกไม้ยืนประนมมือสำรวมจิต โดยพระสงฆ์ผู้เป็นประธานนำกล่าวคำบูชา พร้อมเวียนเทียนร่วมกัน