สอบ 8 เยาวชน เหตุไล่ยิงกัน ปม "จำกูได้ไหม" กลางถนนรามอินทรา แจ้งข้อหาหนัก

สอบ 8 เยาวชน เหตุไล่ยิงกัน ปม "จำกูได้ไหม" กลางถนนรามอินทรา แจ้งข้อหาหนัก

ตำรวจนครบาล คุมตัว 8 เยาวชนสอบปากคำ หลังก่อเหตุไล่ยิงกันกลางถนนรามอินทรา เผยหนึ่งในกลุ่มเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนวัยเด็ก แยกย้ายแล้วมาเจอกันอีกทักทาย “จำกูได้ไหม” ก่อนชกต่อยไล่ยิงกัน แจ้งข้อหาหนักร่วมกันพยายามฆ่า ด้าน 1 ในผู้ก่อเหตุปัดไม่ได้ฝ่ายยิงก่อนแค่ชักปืน เสียใจ- ขอโทษรับปากจะไม่ทำอีก ถือเป็นบทเรียน

ภายหลังปรากฎภาพว่อนโซเชียล กลุ่มนักเรียนไล่ยิงกันกลางถนนรามอินทรา 113 ขาออกมุ่งหน้ามีนบุรี สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ใช้เส้นทางบริเวณดังกล่าวเป็นอย่างมาก ล่าสุดทางด้านตำรวจพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี กทม. ได้ทยอยนำตัวเยาวชนอายุ 15-17 ปี บางส่วนที่ก่อเหตุดังกล่าวสอบปากคำกับพนักงานอัยการมีนบุรีและทีมสหวิชาชีพ หลังจากสามารถติดตามตัวได้ทั้งหมด 8 ราย

ด้าน พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม รอง ผบก.น.3 เปิดเผยว่าขณะนี้ตำรวจสืบทราบว่าผู้ก่อเหตุไล่ยิงกันมีทั้งหมด 8 ราย ผู้เสียหาย 2 ราย ซึ่งทั้งสองฝ่ายเคยเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษา ก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียนคนละสถาบันจนกระทั่งมาเจอกันอีกครั้ง โดยฝ่ายที่ก่อเหตุซึ่งมีจำนวนมากกว่าได้เข้าไปทักทายว่า “จำกูได้ไหม” จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้มีปากเสียง จนถึงขั้นชกต่อยและไล่ยิงกันตามคลิปที่ปรากฎในโซเชียลมีเดีย 

ด้าน พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม รอง ผบก.น.3 เปิดเผยว่าขณะนี้ตำรวจสืบทราบว่าผู้ก่อเหตุไล่ยิงกันมีทั้งหมด 8 ราย ผู้เสียหาย 2 ราย ซึ่งทั้งสองฝ่ายเคยเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษา ก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียนคนละสถาบันจนกระทั่งมาเจอกันอีกครั้ง โดยฝ่ายที่ก่อเหตุซึ่งมีจำนวนมากกว่าได้เข้าไปทักทายว่า “จำกูได้ไหม” จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้มีปากเสียง จนถึงขั้นชกต่อยและไล่ยิงกันตามคลิปที่ปรากฎในโซเชียลมีเดีย 

“เบื้องต้นตำรวจจะตั้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าและครอบครองอาวุธปืนและพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ ส่วนผู้เสียหาย 2รายตำรวจจะเชิญมาให้ปากคำเพื่อรวบรวมหลักฐานก่อนแจ้งความดำเนิน โดยยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย”

ขณะที่  1ใน 8 เยาวชนที่ร่วมก่อเหตุ ยอมรับว่าวันดังกล่าวไปเจอคู่กรณีโดยบังเอิญและยอมรับว่า 1 ในกลุ่มเพื่อนเป็นเพื่อนกับคู่กรณีสมัยเรียนมัธยมฯ แต่ไม่ทราบว่าทำไมถึงมีเรื่องกัน พร้อมปฎิเสธว่าถึงแม้กลุ่มตนเองจะมีมากกว่าแต่ไม่ได้เป็นคนยิงปืน แต่เสียงปืนที่ดังเกิดจากฝ่ายคู่กรณีที่ทำปืนลั่น แต่ยอมรับว่าฝ่ายตนเองเป็นฝ่ายชักปืนออกมาตามที่ปรากฎตามคลิป 

“รู้สึกเสียใจและขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะรับปากต่อหน้าพ่อและแม่ว่า หลังจากนี้ไปจะไม่ก่อเหตุอีกและจะตั้งใจเรียนพร้อมกับจะนำเรื่องนี้เป็นบทเรียนและจะไปบอกกล่าวให้เพื่อนฟังเพื่อให้เป็นตัวอย่างว่าเป็นเรื่องไม่ดีไม่ถูกต้อง”

ด้านผู้ปกครอง กล่าวว่าอยากให้โรงเรียนเพิ่มมาตรการเข้มในการดูแลบุตรหลานที่ไปเรียนโดยส่วนตัวได้มีการกำชับและสั่งสอนลูกว่าไม่ให้ใช้ความรุนแรงก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน แต่ยอมรับว่าเด็กวัยรุ่นเป็นวัยคึกคะนองมีประสบการณ์น้อยทำอะไรไม่รอบคอบ

"เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้โทษเพื่อนคนใดคนหนึ่ง แต่พฤติกรรมส่วนใหญ่ของเด็กวัยรุ่นมักจะไปเป็นกลุ่มก้อนจึงทำให้เกิดเรื่องราวในที่สุด"