ผู้พันเบิร์ด เล่าเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ เผยวิธีทรงงาน "ในหลวง" ปัจจุบัน

ผู้พันเบิร์ด เล่าเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ เผยวิธีทรงงาน "ในหลวง" ปัจจุบัน

"ผู้พันเบิร์ด" ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย เผย เราชินกับการทรงงานของ ร.9 เหมือน คนไทยที่ชินกับการทรงงาน ร.5 ในขณะที่ ร.6 เชี่ยวชาญต่อสถานการณ์โลก ส่วน "ในหลวง" ปัจจุบันทรงงานอาจต่างหรือเหมือนกันก็ไม่แปลก ที่สำคัญ เป็นการสืบสานรักษาต่อยอด

พ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะจิตอาสา 904 พบปะพูดคุย ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยในหัวข้อร่วมกันว่า จิบกาแฟ แลสยาม ที่ ร้านกาแฟ ภักดี โดยระบุถึงรัชกาล 6 กับ ความเชี่ยวชาญต่อสถานการณ์โลกในการแก้ไขข้อเสียเปรียบในสนธิสัญญาที่ไทยเสียเปรียบว่า 

ตั้งแต่พิธีบรมราชาภิเษก 2562 จนปัจจุบันก็ผ่านมาเพียง3ปี ถือได้ว่าเป็นช่วงต้นรัชกาล ในขณะที่คนส่วนมากในประเทศไทย คุ้นชินกับการทรงงานที่ที่ยาวนานของรัชกาลที่9 กล่าวได้ว่า เกิดมาจำความได้ ก็เห็นรัชกาลที่9 ทำงานแล้ว ทำให้ตนนึกย้อนกลับไปว่า พระมหากษัตริย์อีกพระองค์หนึ่งที่ทรงงานนานคือ รัชกาลที่5 คนในยุคนั้นก็คุ้นชินเช่นกัน

ผู้พันเบิร์ด เล่าเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ เผยวิธีทรงงาน \"ในหลวง\" ปัจจุบัน

ดังนั้นในต้นรัชกาลที่6 กับ ต้นรัชกาลปัจจุบันจึงมีความเหมือนกัน ที่เราต่างคุ้นชินกับวิธีทรงงานของรัชกาลก่อน แต่เมื่อมองย้อนกลับไปในสมัยรัชกาลที่6 ก็ได้ทราบว่าพระองค์ได้พัฒนาและทำให้สยามเป็นปึกแผ่นมั่นคง ด้วยการทรงงานที่ต่างออกไปจาก ร.5 เพราะสถานการณ์ต่างกัน เช่นเดียวกับปัจจุบันที่การทรงงานของ ในหลวง จึงอาจต่างหรือเหมือนกันก็ไม่แปลก ที่สำคัญ เป็นการสืบสานรักษาต่อยอด

เมื่อกล่าวถึง ร.6  พระองค์จบการศึกษาทางทหารที่ ประเทศอังกฤษ คือ โรงเรียนนายร้อยทหารบกแซนด์เฮิสต์ (อังกฤษ: Royal Military Academy Sandhurst) หรือชื่อในอดีตคือ ราชวิทยาลัยการทหารแซนด์เฮิสต์ (Royal Military College, Sandhurst)

ผู้พันเบิร์ด เล่าเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ เผยวิธีทรงงาน \"ในหลวง\" ปัจจุบัน

หลังจากจบการศึกษาพระองค์ไปรับราชการที่กรมทหารราบ ที่เมืองเดอแรม จากนั้นจึงกลับมาไทย ในขณะนั้นก็เกิดสงครามโลกครั้งที่1 ไทยได้ส่งทหารเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรในครั้งนั้นด้วย เหตุเพราะ ความเชี่ยวชาญสถานการณ์โลก และการเมืองระหว่างประเทศ ของ ร.6 หลังจากเสร็จสิ้นสงครามฝ่ายสัมพันธมิตรชนะ ไทยจึงยกเลิกสนธิสัญญาที่ทำกับเยอรมนีและออสเตรีย -ฮังการี ซึ่งไทยเสียเปรียบและไทยก็ได้พยายามขอเจรจาข้อแก้ไขสนธิสัญญาฉบับเก่า ซึ่งทำไว้กับอังกฤษ ฝรั่งเศส และ ชาติอื่นๆ ที่ไทยเสียเปรียบด้วย แต่ก็ทำได้ยากและลำบาก กว่าจะเรียบร้อยก็ใช้เวลานานแม้ผ่านรัชกาลแล้วก็ยังไม่เรียบร้อย แต่ก็สานต่อ จากรัชกาลสู่รัชกาลจนเสร็จ 

เรื่องแทรกเล็กๆคือ เพื่อนของ ร.6 ที่สมัยเรียนที่โรงเรียนนายร้อยทหารบกแซนด์เฮิสต์  ก็ไปรบที่ สงครามโลกหลายคน บางคนเสียชีวิต บางคนพิการ ร.6 ได้ส่งเงินส่วนพระองค์ จำนาน 10,000 ปอนด์ไปช่วยเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนทหารที่อังกฤษ การช่วยเหลือครั้งนี้ถือเป็นไมตรีระหว่างเพื่อนกับเพื่อน ความทราบไปถึง สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร พระเจ้าจอร์จจึงส่งโทรเลขขอบคุณและส่งชุดทหารของ กรมทหารราบเดอแรมและพระราชทานยศนายพลเอกให้กับ ร.6 แล้วบอก ว่า "ถ้า ร.6 จะใส่ชุดทหาร ก็ขอให้ใส่ชุดนี้ด้วย "

และเมื่อครั้งที่ ร.6 เสด็จเยือนรัฐมลายู ซึ่งตอนนั้นเป็นเมืองขึ้นของสหราชอาณาจักร พระองค์ก็ได้สวมชุด ทหารนี้ด้วย สร้างความประทับใจและสร้างการรับรู้อย่างกว้างขวางถึงความเป็นมิตรที่สนิทกัน ระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรอีกด้วย

กุสโลบายที่แยบยลลึกซึ้งแบบนี้เราจะได้เห็นเป็นประจักจากการทรงงานของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์