รวบพระแสบหนีคดี อ้างเป็นพี่ "บิ๊กโจ๊ก" หลอกเหยื่อฝากเข้าตำรวจ-ทหารได้

ตร.ขอนแก่น รวบแล้วพระแสบหนีคดี อ้างเป็นพี่ "บิ๊กโจ๊ก" หลอกเหยื่อฝากเข้ารับราชการตำรวจ-ทหารได้ สูญเงินหลายแสนบาท พบประวัติเพิ่งพ้นโทษเมื่อปี 64 ก่อนกลับมาก่อเหตุในลักษณะเดิมซ้ำอีก

ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น จับกุม "พระสงฆ์" อ้างตัวเป็นพี่ชาย "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. หลอกลวงชาวบ้านว่าสามารถฝากเข้ารับราชการตำรวจและทหารได้ มีเหยื่อหลงเชื่อจำนวนมาก สูญเงินหลายแสนบาท พบประวัติเคยถูกกองปราบปรามจับกุมดำเนินคดีเมื่อปี 59 และเพิ่งพ้นโทษเมื่อปี 64 ก่อนกลับมาก่อเหตุในลักษณะเดิมซ้ำอีก

 

 

วันนี้ 9 มิถุนายน 2565 เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงสิริสมบัติ รอง ผบก.สส.ภาค 4 , พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภาค 4 , พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายอภิรักษ์ อายุ 75 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ในข้อหา "ฉ้อโกง" โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณบ้านเช่า เลขที่ 93/1 หมู่ 3 ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร

 

พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภาค4 กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายร้องเรียนมายังสื่อมวลชนว่ามีพระสงฆ์อ้างตนเป็นพี่ชายของ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่าสามารถฝากลูกหลานเข้ารับราชการเป็นตำรวจและทหารได้ โดยเสียค่าใช้จ่ายรายละประมาณ 100,000 บาท มีผู้เสียหายหลงเชื่อจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่ จ.ขอนแก่น และ จ.มหาสารคราม

 

 

โดยพฤติการณ์ของผู้ต้องหาในคดีนี้ นายอภิรักษ์ได้บวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดป่าธรรมจักร บ้านท่าแก ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้รับฉายา "พระอภิรักษ์ อภิปุญโญ" และเริ่มตีสนิทกับญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด โดยอ้างว่าตนนั้นมียศ "นายพล" และมาบวชเป็นพระ มีน้องชายคือ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. และยังอ้างว่ารู้จักกับข้าราชการระดับสูงในจังหวัดขอนแก่น โดยตนสามารถฝากคนเข้ารับราชการตำรวจและทหารได้ โดยมีโควตาปีละ 2 คน และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 บาท

 

ซึ่งจากคำกล่าวอ้างดังกล่าวทำให้มีชาวบ้านหลงเชื่อและจ่ายเงินให้ นายอภิรักษ์ หรือ พระอภิรักษ์ อภิปุญโญ เพราะเห็นว่าเป็นพระที่น่าเชื่อถือ ประกอบกับเหยื่อต้องการความช่วยเหลือจึงหลงเชื่อ เมื่อนายอภิรักษ์ได้เงินแล้วก็จะย้ายวัดไปจำวัดที่วัดอื่นต่อไป และหลอกลวงญาติโยมที่มาทำบุญในลักษณะเดียวกันอีก จนถูกดำเนินคดีและออกหมายจับ ต่อมาจึงได้ลาสิกขาบทจากความเป็นพระในพื้นที่ จ.ตาก และหลบหนีไปตามพื้นที่ต่าง ๆ จนมาถูกจับกุมได้ที่ อ.สวี จ.ชุมพร

 

จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า นายอภิรักษ์ (ผู้ต้องหา) เคยถูกกองปราบปรามจับกุมโดยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันมาก่อน เมื่อปี 2558-2559 โดยก่อเหตุในพื้นที่ จ.อ่างทอง และเมื่อพ้นโทษในปี 2564 ก็ได้มาบวชเป็นพระและมาก่อเหตุช้ำอีก

 

และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมยังพบอีกว่า มีผู้เสียหายในลักษณะคล้ายกันที่ถูกนายอภิรักษ์หลอก โดยเหตุเกิดในเขตพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น 2 คดี และอำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม อีก 3 คดี รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 500,000 บาท

 

ทั้งนี้หากมีใครทราบว่าตนถูกผู้ต้องหารายนี้หลอกลวงในลักษณะเดียวกัน ขอให้แจ้งมายัง สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป

 

ข่าวโดย กฤศเมธ โลโห จ.ขอนแก่น