"ผักแพง" ผลพวงราคาน้ำมันพุ่ง! แม่ค้าวอนรัฐทบทวนคนละครึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ

"ผักแพง" ผลกระทบจากราคาน้ำมันพุ่งไม่หยุด แม่ค้าผักเมืองตรังโอดขายไม่ได้คนซื้อลดลงเห็นได้ชัด วอนรัฐทบทวนโครงการคนละครึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ

วันที่ 8 มิถุนายน 2565 กรณี "ผักแพง" ล่าสุดราคาผักในท้องตลาดสดเทศบาลนครตรัง จังหวัดตรัง ส่วนใหญ่เริ่มมีการปรับราคาขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบมาจาก "ราคาน้ำมัน" ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่แม่ค้าโอดทำขายไม่ออก เหตุประชาชนมีกำลังซื้อลดลงอย่างเห็นได้ชัด

 

 

การปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลมาอย่างต่อเนื่องนั้น ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน จึงทำให้ราคาน้ำมันในประเทศไทยทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลมีการปรับราคาขึ้น ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลจะมีการตรึงราคาน้ำมันดีเซลมาระยะหนึ่งเพื่อรอดูสถานการณ์น้ำมัน แต่ก็ไม่เป็นผล จนต้องมีการปรับราคาน้ำมันดีเซลขึ้นในที่สุด

 

สอบถามนางสุธาภรณ์ แม่ค้าขายผักในตลาดสดเทศบาลนครตรัง เผยว่า จากการที่มีปรับราคาน้ำมันดีเซลขึ้น ทำให้ผักมีการปรับขึ้นราคา เช่น พริกแดง พริกเขียวจินดา จากเดิม 100 บาท ปรับเป็น 150 บาทต่อกิโลกรัม, ผักกาดขาว จากเดิม 70 บาท ปรับเป็น 100 บาท, ต้นหอม จากเดิม 100 บาท ปรับเป็น 200 บาท

 

 

ขณะที่ ผักชี จากเดิม 100 บาท ปรับเป็น 150 บาท, ถั่วฝักยาว จากเดิม 40 บาท ปรับเป็น 60 บาท, คะน้า จากเดิม 30 บาท ปรับเป็น 40 บาท, มะเขือเปราะ จากเดิม 25 บาท ปรับเป็น 45 บาท และอีกหลายชนิดที่ปรับราคาขึ้น คาดว่าหากราคาน้ำมันยังไม่มีทีท่าจะปรับลดลง ราคาพืชผักก็ยังเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากต้องรับผักจากที่อื่นมาขาย

 

ในขณะที่แม่ค้าก็ต้องปรับตัว มีการสั่งผักมาจำหน่ายลดลง หากส่งมามากจะทำให้ผักเน่าเสีย เนื่องจากประชาชนมีกำลังซื้อลดลงอย่างมาก อีกทั้งการไม่ต่อโครงการคนละครึ่งนั้นทำให้บรรยากาศในตลาดสดเป็นไปอย่างเงียบเหงา หากมีโครงการคนละครึ่งก็จะสามารถแบ่งเบาภาระให้ประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าได้ในระดับหนึ่ง

 

ข่าวโดย ถนอมศักดิ์/ธัญยวดี จ.ตรัง