"แม่แตงโม" เชื่อเสียชีวิตบนบกไม่ใช่ในน้ำ เผยอัฐิ แตงโม นิดา แบ่งเป็นสามส่วน

"แม่แตงโม" เชื่อเสียชีวิตบนบกไม่ใช่ในน้ำ เดินหน้าลุยคดีเต็มที่ ยก "บังแจ็ค" เป็นคนดี ตัดสินใจถูกแล้วที่ส่งมือถือให้ เผยอัฐิ "แตงโม นิดา" แบ่งเป็นสามส่วน ด้าน "ส.ส.เต้" ปูดมีคนเสนอเงินให้ถึง 15 ล้าน

วันนี้(28 พฤษภาคม 2565) เมื่อเวลา 15.30 น. นางภนิดา ศิริยุทธโยธิน "แม่แตงโม" ได้อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปเก็บภาพที่โซนกัลปังหา ช่องหมายเลข 9 บริเวณอาคารกตเวทิตา ระเบียงอาลัย ซึ่งเป็นจุดที่คุณแม่นำอัฐิของ "แตงโม นิดา" ส่วนหนึ่งไปเก็บไว้

 

 

โดยอัฐิของ "แตงโม นิดา" ได้แบ่งไว้ทั้งหมด 3 ส่วน ส่วนแรก "แม่แตงโม" เก็บไว้ ส่วนที่ 2 ได้มอบให้ "เบิร์ด" แฟนหนุ่มของแตงโม และส่วนที่ 3 ได้เก็บไว้ที่คริสตจักรข้างที่เก็บอัฐิของพ่อแตงโม

 

โดยพิธีการบรรจุอัฐิของดาราสาว "แตงโม นิดา" จัดขั้นที่บริเวณชั้น 2 ทางครอบครัวไม่ได้อนุญาตให้สื่อมวลชนขึ้นไปเก็บภาพ เนื่องจากต้องการความเป็นส่วนตัว ส่วนแผ่นป้ายที่บริเวณช่องเก็บอัฐิจะมีการสลักชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด และวันที่เสียชีวิต ไว้ว่า "อยู่กับพระเจ้า" พร้อมข้อความด้านล่างว่า "ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่ง คือความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แด่ความรักใหญ่ที่สุด"

 

และเวลา 16.00 น. นางภนิดา ศิริยุทธโยธิน "แม่แตงโม" ได้เดินลงมาจากด้านบนพร้อมกับให้สัมภาษณ์สื่อว่า มีการทำพิธีทางศาสนาคริสต์ และก็มีอาจารย์สวด 1 รอบ ก่อนจะมีอาจารย์ให้ร้องเพลง 2 เพลง เพลงแรกชื่อเพลงพักพิงในพระเจ้า โดยเนื้อหาของเพลงเป็นการให้กำลังใจคนที่อยู่ และเพลงที่สองชื่อเพลง ขอพระเจ้าอยู่ด้วยจนเจอกันอีก ความหมายเป็นการเชื่อว่าเราจะได้เจอแตงโมอีกบนสวรรค์ แต่ไม่ใช่บนดิน

 

 

จากนั้นก็สวดอีกรอบ ก่อนที่จะมีพิธีปิดศิลาที่ช่องอัฐิน้องโม โดยทุกอย่างคุณแม่เป็นคนเลือก ถ้าใครคิดถึงน้องโมก็มาหาน้องโมได้ทุกวันที่นี่ ส่วนอัฐิก็จะเอาเก็บไว้ที่แม่และแบ่งไปให้เบิร์ดด้วย เพราะเบิร์ดได้ขอแม่มา โดยการทำพิธี คุณแม่ได้ร้องเพลงไปด้วยพร้อมกับร้องไห้ ตอนที่ทำพิธีปิดศิลาช่องอัฐิก่อนที่จะปิดแม่เอามือไปจับในโถของน้องโมขึ้น พร้อมบอกว่าขอให้น้องโมไปอยู่บนสวรรค์ ขอให้น้องโมมีความสุข ขอให้น้องโมมาเยี่ยมแม่บ้าง โดยความรู้สึกตอนนี้หัวใจของแม่อยู่ที่โถกระดูกของน้องโม

 

เมื่อวันที่เผาแม่ได้เห็นน้องโมในสภาพเป็นปกติ ไม่เหมือนตอนที่เจอในน้ำ น้องปกติสวยงามมาก อันนี้เป็นภาพจำที่สวยแล้วสำหรับแม่ ส่วนการเดินหน้าทางคดี คุณแม่ก็จะเดินหน้าเต็มที่ โดยจะให้ทีมทนายของ "ส.ส.เต้" เดินหน้าทางคดีให้ การที่คุณแม่มาอยู่กับทาง ส.ส.เต้ ก็รู้สึกดี สบายใจ และทุกอย่างต้องร่วมมือกัน

 

"เรื่องคดีในตอนนี้ คุณแม่คิดว่าเรามาถูกทางแล้ว เพราะเราได้ผู้นำทีมที่ดี ฉลาด อารมณ์ดี ไม่พูดมาก และทำงานเร็ว แถมยังพูดเก่งด้วย"

 

เรื่องทางคดีครอบครัวทางคุณพ่อของน้องโมก็มีการพูดคุยกัน และให้แม่ดำเนินการ โดยเห็นชอบกับแม่ด้วย ส่วนเรื่องโทรศัพท์ที่คุณแม่มอบให้บังแจ็คไป บังแจ็ครับปากแม่แล้วว่าหยุด โดยทางบังแจ็คก็หยุดโพสต์มาแล้วเป็นอาทิตย์ ตอนนี้ก็จะมีเพจปลอมออกมา ทั้งนี้บังแจ็คก็กำลังจะส่งมือถือที่กู้ข้อมูลมาแล้วกลับคืนมา แต่ไม่ได้ส่งให้แม่ ให้ส่งไปให้กับบุคคลที่ไว้ใจได้ก่อน เพราะแม่กลัวว่าจะได้รับอันตรายและกลัวโทรศัพท์หาย

 

ในส่วนประวัติของบังแจ็ค คุณแม่ก็เคยเห็นในอินเตอร์เน็ต แต่ของพวกนี้เราต้องได้สัมผัสก่อนถึงจะรู้ แต่ตอนแรกแม่ก็ไม่ชอบบังแจ็ค แต่ทางบังแจ็คได้มีการโทรมาหลายครั้ง จนมีนักข่าวคนหนึ่งบอกว่ารับหน่อยบังแจ็คมีอะไรจะคุยด้วยเรื่องน้องแตงโม คุณแม่จึงรับและได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องแตงโม ส่วนเรื่องการเรียกเงินยืนยันไม่มีใครเรียกใคร แม่ก็ไม่ได้เรียกเงิน ส่วนบังแจ็คก็ไม่ได้เรียกเงินแม่ แค่ต้องการช่วยเท่านั้น

 

ส่วนเรื่องบังแจ็คเป็นคนไม่ดีตามข่าวนั้น ตั้งแต่คุณแม่สัมผัสเขาก็ดูเป็นคนดีนะ จะช่วยเหลือใครเขาช่วยเต็มที่ ยังเคยเอ่ยปากบอกแม่เลยว่า "แม่มีเงินไหม เดี๋ยวผมโอนเงินช่วย" แม่บอกแม่มี แม่ไม่เอา เขาก็ยังบอกว่า "จะเอาที่ดินผมไหม เดี๋ยวผมยกให้ ให้แม่ไปทำอะไรก็ได้" แม่ก็บอกว่าไม่เอา โดยบังแจ็คก็บอกคุณแม่หลายเรื่องเกี่ยวกับเรื่องน้องแตงโม โดยคุณแม่ไว้ใจในระดับหนึ่ง เพราะเป็นคนค่อยช่วยเหลือและกู้ข้อมูล

 

คุณแม่กับบังแจ็คล่าสุดคือเมื่อตอนตี 4 ที่ผ่านมา ก็ถามถึงเรื่องสารทุกข์สุกดิบ ก็เลยบอกว่าไม่ต้องโพสต์แล้วนะ บังแจ็คก็รับปาก พร้อมบอกว่าไม่ได้โพสต์แล้ว โดยยังพูดถึงเรื่องคนไทยที่อยู่ที่นั่น ไปถ่ายรูป ถ่ายบ้าน การใช้ชีวิตประจำวันเขา โดยแม่ไว้ใจบังแจ็คว่าจะไม่มีการแบล็คเมล์แน่นอน

 

การนำโทรศัพท์ของน้องโมไปกู้ข้อมูลนั้นเชื่อว่ามีประโยชน์ และจะนำไปเป็นหลักฐาน ส่วนเรื่องน้องโมจะถูกฆาตกรรมไหมแม่ขอไม่ตอบ แต่ยืนยันว่าน้องโมไม่ได้เสียชีวิตในน้ำ แต่เสียชีวิตบนบก โดยน้องโมถ่ายรูปมาทุกอย่างเพื่อเป็นหลักฐาน โดยถ่ายทั้งถนน ทางเดิน หรือทุกอย่างที่คิดว่าเป็นหลักฐานได้ ซึ่งน้องโมคิดว่าตัวเองจะไม่รอด จึงได้สร้างหลักฐานไว้

 

ส่วนปอ และ โรเบิร์ต ก็ยังเหมือนเดิน แต่ไม่ได้คุยเรื่องคดีกับทั้งสองคนเลย คุณแม่ไม่คุยเรื่องคดีเพราะกลัวใช้คำพลาด แต่ความรู้สึกที่คุณแม่มีต่อบังแจ็ค ปอ หรือโรเบิร์ตก็ยังเหมือนเดิม

 

ส่วนการกู้ข้อมูลนั้นบังแจ็คก็สามารถกู้ข้อมูลขึ้นมาได้ทั้งหมดแล้ว แม่คิดว่าเป็นการถูกฆาตกรรม ส่วนทางนายอัจฉริยะ คุณแม่ก็พึ่งได้คุยเมื่อวาน ซึ่งอยากคุยนานแล้วแต่มีคนห้ามไม่ให้โทร ก็พึ่งจะได้โทรเมื่อวาน ก็คุยกันยาวเลย

 

ทางด้าน นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ ส.ส.เต้ กล่าวว่า จะพูดว่าใครก็ตามที่ดูคนอื่นเป็นมิจฉาชีพ ดูตัวเองหรือยัง โดยบังแจ็คเป็นคนที่กู้ข้อมูล และมาทราบเหตุผลว่าไม่มีใครกู้ข้อมูลให้แม่ โดยแม่บอกว่าให้บังแจ็คเป็นคนกู้ เป็นผู้ตรวจวัตถุพยาน โดยเราจะต้องปกป้องเขาระยะเวลาปีกว่า ซึ่งทางศาลก็รับฟังทั้งหมด โดยยังไม่มีคำวินิจฉัยถึงที่สุด และคดีส่วนใหญ่ก็หมดอายุความไปแล้ว

 

"ถ้ามาเป็นผู้ตรวจสอบวัตถุพยานในชั้นศาลเดี๋ยวผมประกันตัวให้ และพร้อมที่จะดูแล ก็ยังไม่จำเป็นต้องรีบมา ให้ศาลเรียกพยานก่อนถึงจะค่อยมา โดยตนเองจำเป็นต้องดูแลเขาในศาลชั้นต้นก่อน ฝากถึงทนายเดชา เวลาพูดให้คิดนิดหนึ่ง เพราะน้องเขาเสียไปแล้ว ซึ่งแม่เขาก็เตือนมาแล้ว 2 รอบ โดยวันนี้เป็นการเตือนเป็นวันสุดท้ายแล้ว อย่าให้ทำไปไกลกว่านี้เลย ขอสื่อให้ความเป็นกลางหน่อย"

 

ส.ส.เต้ กล่าวต่ออีกว่า คนบนเรือหรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้นะ ให้คนอื่นติดต่อมาว่าจะเอาเงินมาวางไว้ที่บ้าน 15 ล้าน แต่ตอนนี้คงคิดว่าไม่น่าพอ ตนอยากบอกว่าถ้าคนบนเรือจะมาเคลียร์กับผม ถ้ามีถึง 5,000 ล้าน ค่อยมาคุยกัน ส่วนโพสต์ที่ลบไปเมื่อเช้านั้น มีคำว่าสื่อมวลชนด้วย ซึ่งทางทีมทนายบอกว่าสื่อมวลชนเป็นพวกเรา เป็นพยานให้เรา จึงได้ลบออก

 

ส่วนโพสต์ที่ลบก็อยากโพสต์เพื่อเตือน ที่ลบเพราะถือว่าเตือนแล้ว ซึ่งอยากให้ทุกคนเข้ามาช่วยกัน ใครจะมาช่วยตนก็พร้อมรับ ส่วนการส่งคืนมือถือแตงโมของบังแจ็คกลับมานั้นไม่สามารถระบุได้ว่าส่งไปที่ไหน เพราะเป็นวัตถุพยานสำคัญ แล้วอีกอย่างเพจเฟซบุ๊ก CSI LA ที่มีการไปถ่ายรูปเปิดเผยที่อยู่ของบังแจ็คนั้น บังแจ็คได้ไปแจ้งความไว้ที่ อเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ข่าวโดย อนันต์ วิจิตรประชา จ.ปทุมธานี