ก.เกษตรฯ วางแนวบริหารน้ำฤดูฝน 65 หนุนเกษตรน้ำฝน ย้ำน้ำกิน-น้ำใช้ห้ามขาด

ก.เกษตรฯ วางแนวบริหารน้ำฤดูฝน 65 หนุนเกษตรน้ำฝน ย้ำน้ำกิน-น้ำใช้ห้ามขาด

กรมชลประทานได้วางแผนบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนปี 2565 เพื่อวางแผนจัดสรรน้ำตามปริมาณน้ำต้นทุนและความต้องการใช้น้ำทุกกิจกรรม ภายหลังประสบผลสำเร็จการบริหาร ในฤดูแล้ง 2564/65 ไม่มีพื้นที่ประกาศภัยแล้ง น้ำอุปโภคบริโภคไม่ขาดแคลน และรักษาระบบนิเวศน์ได้ดี โดยเฉพาะการควบคุมค่าความเค็มอยู่ในเกณฑ์ควบคุม สำหรับการบริหารจัดการน้ำฤดูฝนนี้ เน้นการเก็บกักน้ำให้มีปริมาณน้ำต้นทุนสำหรับสนับสนุนฤดูแล้งปี 65/66 ให้ได้มากที่สุด และเตรียมให้การช่วยเหลือ

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานแถลงข่าวสรุปผลบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง ปี 2564/65 และเตรียมรับมือฤดูฝนปี 2565 พร้อมด้วยนายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน และนางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา โดยะบุว่าการบริหารน้ำในฤดูแล้ง2564/65 ที่ผ่านมา กรมชลฯได้ปฏิบัติตามตามมาตรการรองรับสถานการณ์การขาดแคลนน้ำฤดูแล้งทั้ง 8 มาตรการอย่างครบถ้วน ได้จัดสรรน้ำสนับสนุนครบทุกกิจกรรม รวม 22,998 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) จากแผน 22,280 ล้าน ลบ.ม. เกินแผน 700 ล้าน ลบ.ม. ผลการเพาะปลูกทั้งประเทศรวม 8.11 ล้านไร่ (แผน 6.41 ล้านไร่) ผลจากการจัดสรร น้ำอุปโภค-บริโภคไม่ขาดแคลน น้ำรักษาระบบนิเวศมีเพียงพอ โดยเฉพาะภาคการเกษตร  เกษตรกรได้ทำการเกษตรฤดูแล้งสร้างรายได้ ถึงแม้จะมีพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มจากแผนถึง 1.7 ล้านไร่ และที่สำคัญคือผลผลิตทางการเกษตรไม่ได้รับความเสียหาย อีกทั้งมีปริมาณน้ำสำรองต้นฤดูฝน 19,950 ล้าน ลบ.ม.มากกว่าแผนที่ตั้งไว้ถึง 4,000 ล้าน ลบ.ม.

ทั้งหมดเป็นผลจากการบริหารจัดการโดยใช้ระบบชลประทานที่มีอยู่อย่างเต็มศักยภาพ การสร้างการรับรู้กับประชาชนต่อเนื่องในการประหยัดน้ำและสนับสนุนการทำนาเปียกสลับแห้ง  ในส่วนของมาตรการการช่วยเหลือ กรมชลประทานได้ดำเนินการโครงการจ้างแรงงานชลประทานเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงฤดูแล้งโดยมีการจ้างงานไปแล้ว74,904 คน (99.8%) จากเป้าหมาย75,000 คน

ส่วนแผนบริหารจัดการน้ำในฤดูฝน 65 ได้ย้ำว่าน้ำที่ใช้สนับสนุนในกิจกรรมต่างๆที่สำคัญจะต้องบริหารอย่างรัดกุม เป้าหมายต้องเก็บน้ำให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ในการบริหารจัดการน้ำฯ ให้กรมชลฯยึด  13 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2565 ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อ 3 พ.ค. 65 เป็นแนวทางการดำเนินงาน

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า การบริหารน้ำในฤดูฝน 2565 ปัจจุบัน ณ  1 พ.ค.65 มีน้ำใช้การได้ทั้งสิ้น 19,755  ล้าน ลบ.ม. กรมได้วางแผนจัดสรรในกิจกรรมต่างๆทั้งประเทศประกอบด้วย  1. การอุปโภค -บริโภค 2,329 ล้านลบ.ม. (7%)   2.การรักษาระบบนิเวศ 6,850   ล้านลบ.ม. (25%) 3.การเกษตร 22,068  ล้านลบ.ม.(69%)  4.การอุตสาหกรรม 508 ล้านลบ.ม.(2%)  คาดการณ์จะมีพื้นที่เพาะปลูกทั้งประเทศ 27.63 ล้านไร่  ลุ่มเจ้าพระยา 10.57 ล้านไร่  และลุ่มน้ำแม่กลอง  2.24 ล้านไร่  ในช่วงฤดูฝนนี้กรมชลประทานวางแผนบริหารจัดการน้ำโดยส่งเสริมการปลูกพืชฤดูฝนให้ใช้น้ำฝนเป็นหลัก ใช้น้ำชลประทานเสริมกรณีฝนทิ้งช่วง หรือปริมาณฝนตกน้อยกว่าคาดการณ์

นอกจากการปฏิบัติตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2565 แล้ว กรมได้เตรียมการรับมือปัญหาอุทกภัย โดยมีการกำหนดคน กำหนดพื้นที่เสี่ยง และได้สั่งการให้กระจายเครื่องมือ เครื่องจักร เครื่องสูบน้ำ ไปประจำที่ศูนย์บริหารเครื่องจักรกลที่ 1-7 เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยได้ทันท่วงที รวมถึงได้กำชับให้ทุกพื้นที่ติดตามการคาดการณ์พยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดและเตรียมความพร้อมในการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง