สะเทือนขวัญคนกรุง ต่างด้าวคลั่ง บุกเผาบ้านหรูย่านเมืองนนทบุรี ตร.เร่งสอบสวน

สะเทือนขวัญคนกรุง ต่างด้าวคลั่ง บุกเผาบ้านหรูย่านเมืองนนทบุรี ตร.เร่งสอบสวน

ตรวจสอบเหตุวางเพลิงไหม้ไฟ สะเทือนขวัญคนกรุงคนรวย ต่างด้าวคลั่ง บุกเผาบ้านหรูย่านเมืองนนทบุรี เสียหายกว่าล้าน ตร.เร่งสอบสวนหาความจริง

กรณีเกิดเหตุคนร้ายหิ้วน้ำมันเบนซินบุกราดและจุดไฟเผาบ้านพักสไตล์ลอฟท์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบริษัทแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี จนได้รับเสียหายนับล้านบาท โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเวลา 12.30 น. ของวันที่ 11 พ ค. ที่ผ่านมา ก่อนคนงานในบ้าน และรถดับเพลิง จะช่วยระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงเอาไว้ได้ หลังเกิดเหตุคนร้ายได้ขึ้นหลบหนีไป

ทั้งนี้ ภายหลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.นภธร วาชัยยุง ผกก.สภ.บางศรีเมือง ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.เศรษฐหาญ เศรษฐภาภรณ์ รอง ผกก.สส.สภ.บางศรีเมือง และ พ.ต.ต.ปภินวิช มีชีพสม สว.สส.สภ.บางศรีเมือง นำกำลังออกติดตามตัวคนร้าย ตามรูปพรรณสันฐาน ที่กล้องวงจรปิดภายในบ้านบันทึกเอาไว้ได้ โดยใช้เวลาไม่ทันข้ามคืน จึงจับกุมมือวางเพลิงรายนี้เอาไว้ได้ ขณะหลบหนีอยู่ภายในแคมป์คนงานก่อสร้างแห่งหนึ่งย่านบางนา 

ทราบชื่อต่อมาคือ นายคอง สัญชาติกัมพูชา อายุ 31 ปี จึงควบคุมตัวมาสอบสวนต่อที่โรงพัก สภ.บางศรีเมือง ในเบื้องต้นนายคอง ให้การวกวนว่า ตนได้รับคำสั่งเป็นเสียงกระซิบ ที่ข้างหูตลอดเวลาว่า ให้ไปลงมือเผาบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งตนเองเคยเป็นคนงานมาก่อสร้างบ้านหลังนี้ไว้

(12 พ.ค.) ต่อมา ทีมข่าวได้เดินทางลงพื้นที่บ้านหลังเกิดเหตุ พบกับนายสมบัติ อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน และเจ้าของบริษัทรับทำระบบซาวด์แอนด์ไลท์ โดยพบว่าบ้านหลังเกิดเหตุเป็นบ้านหรู สไตล์ลอฟท์ 2 ชั้น ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 80 ตารางวา ราคาค่าก่อสร้างกว่า 4 ล้านบาท คนร้ายได้ทุบกระจกหน้าต่าง พนังกำแพงชั้นล่างแตกเสียหายเกือบทุกบาน ภายในห้องรับแขก ห้องนอน และห้องครัวมีคราบเขม่าสีดำ จากควันไฟกระจายลอยติดผนังไปทั่ว รวมถึงทรัพย์สินต่างๆที่ได้รับความเสียหายคือผ้าม่าน ชุดโซฟา นาฬิกา ทีวี ชุดเครื่องเสียง เพดาน หลอดไฟ และข้าวของในห้องครัว มูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท

จากการสอบถามนายสมบัติ ปิ่นแก้วประเสริฐ ผู้เสียหายเจ้าของบ้าน กล่าวว่า เมื่อวานนี้ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ลูกน้องที่บริษัทโทรมาแจ้งตนว่ามีคนร้ายบุกเข้ามาลอบวางเพลิงบ้านพักหลังดังกล่าว ตนจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้เข้ามาช่วยดับเพลิง หลังจากนั้นตนจึงได้ตรวจสอบภาพจากกล้องววจรปิดที่ติดตั้งไว้ทั้งหมด 16 ตัวรอบบ้าน พบว่าคนร้ายเดินมาที่หน้าบ้านตั้งแต่เวลา 12.00 น.

จากนั้นยืนเตรียมตัวอยู่ที่หน้าบ้านประมาณครึ่งชม.เพื่อจะปีนกำแพงบ้านเข้ามา โดยใช้ไม้ต่อทำเป็นบันไดปีนขึ้นกำแพง และเดินตามขอบกำแพงเข้ามาด้านในบ้านตรงจุดที่มีรอยต่อฉากเหล็กกันที่ติดไว้บนกำแพงรั้วอีกที จากนั้นคนร้ายได้ปีนลงเข้ามาในบ้านพร้อมกับท่อนเหล็กและบีบถังบรรจุน้ำมันเบนซิน ก่อนจะใช้แท่งเหล็กตีกระจก ผนังกำแพง จนแตกเกือบหมด และบีบน้ำมันเทสาดใส่เข้าไปด้านใน จากนั้นจึงจุดไฟเผาจนเกิดเพลิงลุกไหม้ 

ต่อมาเมื่อตนตั้งสติได้ จึงพยายามดูรูปพรรณของคนร้ายรายนี้  จึงพบว่า คนร้ายเคยเป็นอดีตคนงานก่อสร้าง ที่มาทีมผู้รับเหมาที่มาทำบ้านให้ตนเมื่อ 3 ปีมาแล้ว ตนจึงได้นำหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการติดตามตัวคนร้าย

นายสมบัติ กล่าวอีกว่า ตนไม่เคยมีเรื่องทะเลาะบาดหมางกับใครมาก่อนเลย จึงยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าคนร้ายรายนี้ก่อเหตุวางเพลิงบ้านตนทำไม เพราะพฤติกรรมมีการเตรียมตัวมาอย่างดี ใจเย็นมาก หลังก่อเหตุราดน้ำมันจุดไฟเผาบ้านตนแล้ว ยังเดินออกไปนั่งสูบบุหรี่หน้าปากซอย แล้วเดินไปตามถนนแบบใจเย็น ตนจึงไม่แน่ใจว่า อดีตคนงานรายนี้เสพยาติด จนเกิดอาการหลอนหรือไม่

นายสมบัติ กล่าวอีกว่า หลังทราบตัวคนร้ายที่ลงมือวางเพลิงเผาบ้านตนแล้ว ด้วยความสงสัยตน จึงโทรไปถามผู้รับเหมาที่ก่อสร้างบ้านและโกดังให้ตน ซึ่งผู้รับเหมาคนดังกล่าวก็บอกว่า นายคอง อดีตคนงานก่อสร้างรายนี้  ได้ถูกไล่ออกจากแคมป์คนงานก่อสร้างไปแล้ว เพราะมีพฤติกรรมกินเหล้าเมายา และมีปัญหากับเพื่อนคนงานด้วยกัน โดยถูกไล่ออกไปนานแล้ว ไม่คิดว่าจะกลับไปลงมือก่อเหตุในลักษณะนี้

ทางด้าน พ.ต.อ.นภธร วาชัยยุง ผกก.สภ.บางศรีเมือง กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้ทำการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายของผู้ต้องหารายนี้แล้ว ซึ่งคดีลอบวางเพลิง ถือว่าเป็นคดีใหญ่ มีอัตราโทษสูง จึงจำเป็นต้องทำการสอบสวนผู้ต้องหาต่อหน้าทนายความด้วย ซึ่งจะได้มีการสอบถามถึงสาเหตุ และแรงจูงใจที่ก่อเหตุในครั้งนี้ต่อไป เนื่องจากพบว่า นายคอง ผู้ต้องหารายนี้ได้เรียกรถแท็กซี่จากย่านยางนา เพื่อเดินทางมายังบ้านเกิดเหตุ พร้อมกับนำปีบน้ำมันมาด้วย เหมือนตั้งใจจะมาลงมือ ด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่คำให้การในเบื้องต้น ที่อ้างว่า มีเสียงกระซิบที่ริมหู สั่งให้ลงมือทำ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังคงไม่ปักใจเชื่อ

ภาพ - INNNews